BIGC เชื่อเม็ดเงินจากขายหุ้นเพิ่มทุน PP เพียงพอขยายธุรกิจ, รีไฟแนนซ์หนี้ได้ก่อนก.ค.นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 30, 2012 19:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.รำภา คำหอมรื่น รองประธานฝ่ายบัญชีและการเงิน บมจ.บิ๊กซี ซุเปอร์เซ็นเตอร์ (BIGC) เปิดเผยว่า บริษัทยังไม่มีแผนยกเลิกการเพิ่มทุน แต่ได้เลื่อนออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด โดยยอมรับว่าการเพิ่มทุนเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะนำมาใช้ในการระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจในอนาคต ซึ่งบริษัทจะนำกลับมาพิจารณาอีกครั้ง เมื่อมีรายการที่เป็นประโยชน์กับผู้ถือหุ้นและบริษัท อาทิ การควบรวมกิจการ

ทางด้านนายกุฎาธาร นาควิโรจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ BIGC เปิดเผยว่า บริษัทยังไม่มีแผนเพิ่มทุนในช่วง 12-18 เดือนนับจากนี้ เนื่องจากประเมินว่า เม็ดเงินที่จะได้จาการเสนอขายหุ้นแบบเฉพาะเจาะจงประมาณ 4,000 ล้านบาท ถือว่าเพียงพอต่อการขยายธุรกิจของบริษัทในปีนี้ ซึ่งวันนี้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้มีมติจัดสรรหุ้นสามัญจดทะเบียนที่ยังไม่ได้ออกจำหน่ายของบริษัท จำนวนไม่เกิน 23,613,426 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท เพื่อออกและเสนอขายให้แก่นักลงทุนเฉพาะราย และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบันโดยเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจง

สำหรับวัตถุประสงค์ใการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ เพื่อนำไปใช้ในการขยายกิจการและชำระหนี้จากการเข้าซื้อกิจการคาร์ฟูในประเทศไทย โดยในปีนี้บริษัทมีแผนเปิดสาขาไฮเปอร์มาร์เก็ต 4 สาขา บิ๊กซีมาร์เก็ต 6 สาขา มินิบิ๊กซี 75 สาขา ซึ่งเป็นสาขาที่เปิดในปั๊มบางจาก 5 สาขา และร้านขายยาเพรียว 40 สาขา และ ตั้งเป้าภายในปี 59 จะมีไฮเปอร์มาร์เก็ต และบิ๊กซีมาร์เก็ต รวมกันเป็น 300 สาขา มินิบิ๊กซี 950 สาขา

"จากแผนการขยายธุรกิจในช่วง short term คิดว่าการขาย PP ดีกับทุกฝ่ายเพราะทำได้เร็ว ไดลูทน้อย ทำให้ฟรีโฟลตมากขึ้นและเป็นการรักษาวอลุ่มของหุ้นได้ดีที่สุด...ส่วนเรื่องที่คณะกรรมการมีแผนจะเพิ่มทุน 2.5 หมื่นล้านบาท ขณะนี้ก็เลื่อนออกไปก่อน แต่ยังไม่ได้ยกเลิก คงนำกลับมาพิจารณาอีกครั้งเมื่อต้องการขยายธุรกิจ แต่วงเงินอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง" นายกุฎาธาร กล่าว

ในส่วนหนี้สินจำนวน 3.6 หมื่นล้านบาทที่เกิดจากการกู้ยืมเพื่อนำไปใช้เป็นทุนในการเข้าซื้อสินทรัพย์ของคาร์ฟูในประเทศไทยนั้น ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างหารือกับสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศเพื่อรีไฟแนนซ์เงินกู้ดังกล่าว โดยคาดว่าจะยืดหนี้ออกไปเป็น 2-5 ปี และคาดว่าจะดำเนินการเสร็จก่อนครบกำหนดชำระคืนหนี้ในเดือนก.ค. 55 นี้

ส่วนเงินชดเชยประกันในสาขาราชดำริ กว่า 1,000 ล้านบาทนั้น ขณะนี้บริษัทได้รับเงินประกันแล้วกว่า 70% ส่วนที่เหลือคาดว่าจะได้รับครบภายในปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ