BIGC บวก 10.49% อยู่ที่ 216.00 บาท เพิ่มขึ้น 20.50 บาท เมื่อเวลา 11.18 น.โดยเปิดตลาดที่ 188.00 บาท ทสูงสุด 219.00 บาท ต่ำสุด 187.00 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 422.51 ล้านบาท
จากช่วงเช้าราคาหุ้น BIGC ร่วง 3.58% อยู่ที่ 188.50 บาท ลดลง 7.00 บาท เมื่อเวลา 10.05 น.หลังจาก บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์(BIGC)แจ้งกำหนดราคาหุ้นสามัญเพิ่มทุน 23,613,426 หุ้น มูลค่าตราไว้หุ้นละ 10 บาทที่จะเสนอขายให้แก่นักลงทุนเฉพาะราย และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน โดยเป็นการเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจง(PP)ที่ 176 บาท/หุ้นต่ำกว่าในกระดาน
ขณะที่ บล.กสิกรไทย แนะ"ขาย"หุ้น BIGC ให้ราคาพื้นฐาน 130 บาท โดยกำไร 1Q12 เพิ่ม 107% YoY แต่ลดลง 28% QoQ กำไรสุทธิ 1Q12 อยู่ที่ 1,777 ลบ. (+107 YoY, -28% QoQ) กำไรจากการดำเนินงานเพิ่ม 45% YoY ลด 26% QoQ โดยกำไรที่เพิ่ม YoY จาก EBITDA margin ที่เพิ่มขึ้นหลังการควบรวมกิจการ Carrefour และเงินชดเชยจากบริษัทประกันอีก 226 ล้านบาทเพราะเหตุน้ำท่วม อย่างไรก็ตาม EBITDA margin ลดลง QoQ
รายได้จากการขายเพิ่มเพียง 6.7% YoY และ 2% QoQ โดยยอดขายสาขาเดิมเติบโตเพียง 3.4% YoY นอกจากนี้บริษัทมีแผนลงทุน 5.5 พันลบ. ในศูนย์กระจายสินค้าใหม่ และขยายสาขา รวมถึงมีความเสี่ยงต่อการเพิ่มทุน ซึ่งจะทำให้เกิด dilution
ด้าน บล.บัวหลวง แนะ"ซื้อ"แนวโน้มการเติบโตของกำไรสุทธิของ BIGC มีความน่าสนใจและปรับตัวใกล้เคียงกับกลุ่มกลุ่มค้าปลีกมากขึ้นหลังจากที่รวมแผนการขยายตัวแบบเชิงรุกเข้าไปในประมาณการ แม้ว่าปัจจุบันหุ้นซื้อขายที่ระดับ PER สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 25.1 เท่า แต่ยังนับว่าต่ำว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มค้าปลีกที่ 28.9 เท่า
ดังนั้น จึงปรับเพิ่มคำแนะนำป็น"ซื้อ"จาก"ถือ"และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2555 เป็น 232 บาท จาก 156 บาท เพื่อสะท้อนตัวเลขผลประกอบการในไตรมาส 1/55 ที่ดีกว่าคาดและแผนการเปิดตัวสาขาเชิงรุกของ BIGC จึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2555-58 ขึ้น 10%, 11%, 16% และ 19% ตามลำดับ โดยการปรับเพิ่มประมาณการครั้งนี้ทำให้การเติบโตของกำไรสุทธิดีน่าประทับใจและปรับตัวใกล้เคียงกับกลุ่มหุ้นค้าปลีกมากขึ้นดังนั้นจึงมีโอกาสสูงที่จะถูกปรับขึ้นไปซื้อขายที่ระดับมูลค่าสูงกว่าเดิม
BIGC ได้ขยายเข้าสู่ธุรกิจใหม่เพิ่มเติบด้วยการเปิดร้านแว่นตา บิ๊กซีออพติคอล รวมถึงขยายไปสู่ธุรกิจออนไลน์ เนื่องจากผู้บริหารเชื่อว่าตลาดดังกล่าวเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโต