ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 61.98 จุดหลังดัชนีภาคบริการสหรัฐร่วง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 4, 2012 06:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (3 พ.ค.) หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการเดือนเม.ย.ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการที่นักลงทุนชะลอการซื้อขาย ก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรในช่วงค่ำวันศุกร์ตามเวลาไทย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 61.98 จุด หรือ 0.47% ปิดที่ 13,206.59 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับลง 10.74 จุด หรือ 0.77% ปิดที่ 1,391.57 จุด ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 35.55 จุด หรือ 1.16% ปิดที่ 3,024.30 จุด

ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลงตั้งแต่เปิดทำการซื้อขาย หลังจากสถาบัน ISM รายงานว่าดัชนีภาคบริการเดือนเม.ย. ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 53.5 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน จากระดับ 56 จุดในเดือนมี.ค. ส่งสัญญาณว่าภาคบริการซึ่งเป็นภาคส่วนที่ใหญ่ที่สุดในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐกำลังเผชิญกับภาวะชะลอตัว อันเนื่องมาจากการจ้างงานที่ลดลงในภาคบริการ

รายงานของ ISM ยังระบุว่า ดัชนียอดสั่งซื้อใหม่ในภาคบริการปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 53.5 จุดในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน จากเดือนมี.ค.ที่ระดับ 58.8 จุด ขณะที่ดัชนีการจ้างงานในภาคบริการลดลงสู่ระดับ 54.2 จุด จากเดือนมี.ค.ที่ระดับ 56.7 จุด และดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจในภาคบริการ ลดลงสู่ระดับ 54.6 จุด จากเดือนมี.ค.ที่ระดับ 58.9 จุด

นอกจากนี้ ปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดอ่อนตัวลงแม้จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานปรับตัวลดลงนั้น ก็เพราะตลาดยังคงรับเอาปัจจัยจากรายงานของ ADP Employer Services ซึ่งระบุว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 119,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 170,000 — 177,000 ตำแหน่ง

ตัวเลขที่อ่อนแอของการจ้างงานในภาคเอกชนของสหรัฐ ทำให้นักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังการซื้อขาย ก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย. ในวันเวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 170,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ 8.2%

หุ้นอัลโค อิงค์ ร่วงลง 1.5% หุ้นฮิวเล็ตต์-แพคการ์ด ร่วงลง 3.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงหนักสุดในบรรดาหุ้นที่คำนวณในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ขณะที่หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวลง 2%

หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงเช่นกัน ซึ่งรวมถึงหุ้นทาร์เก็ตร่วงลง 2.5%

หุ้นพรูเดนเชียล ไฟแนนเชียล บริษัทประกันชีวิตรายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐ ดิ่งลง 10% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ ขณะที่หุ้นวีซ่าร่วงลง 4.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสแรกที่ระดับ 1.56 ดอลลาร์ต่อหุ้น น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.72 ดอลลาร์ต่อหุ้น

หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ร่วงลง 2.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า ผลกำไรต่อหุ้นลดลงมาอยู่ที่ระดับ 93 เซนต์ จากระดับ 95 เซนต์ในปีที่แล้ว ขณะที่กำไรสุทธิร่วงลง 61% สู่ระดับ 1.32 พันล้านดอลลาร์ จากปีที่แล้วที่ระดับ 3.37 พันล้านดอลลาร์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ