หุ้น DTAC ราคาอ่อนลง 0.92% มาอยู่ที่ 81 บาท ลดลง 0.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 52.17 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.04 น. โดยเปิดตลาดที่ 81.00 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 81.25 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 81.00 บาท
บล.เคทีบี(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น(DTAC)ประกาศกำไรสุทธิ 1Q55 ที่ 3 พันลบ.ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ราว 3.16 พันลบ. เพิ่มขึ้น 25.9% QoQ แต่ลดลง 10.1% YoY จากส่วนแบ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ ก.ย. 54 พร้อมมองภาพทั้งปี 55 กำไรทรงตัว แม้ว่ารายได้จะยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากการใช้งานด้าน DATA ที่ยังสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่ด้วยภาระส่วนแบ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็น 30% จากเดิม 25% ประกอบกับรายจ่ายดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น จากเงินกู้ที่ DTAC ได้กู้มาเพื่อจ่ายปันผลพิเศษในวงเงิน 30,000 ล้านบาท ซึ่งรวมแล้วไม่สามารถชดเชยด้วยอัตราภาษีที่ลดลงได้
แต่ประเด็นนี้แก้ไขได้ด้วยการประมูล 3G 2.1 GHz คาดว่าจะประมูลได้ในช่วง 2H55 โดยเฉพาะกับ DTAC การประมูล 3G จะเป็นปัจจัยที่จะช่วยแก้ไขปัญหากรณีส่วนแบ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้น โดยเบื้องต้นคาดว่าต้นทุนที่นำส่งแก่ภาครัฐจะเหลือราว 10% เทียบกับที่ต้องจ่ายบนสัมปทานเดิม 30% จึงยังแนะ"ซื้อ"(สะสม) อิงมูลค่าเหมาะสมใหม่ที่ประเมินได้ที่ 87 บาท
ทั้งนี้ DTAC ประกาศกำไรสุทธิ 4Q54 ที่ 2,997 ลบ. เพิ่มขึ้น 25.9% QoQ แต่ลดลง 10.1% YoY โดยในแง่ QoQ การเติบโตมาจากการใช้งานด้าน DATA ที่ยังเติบโตได้ 15.6% QoQ รวมถึงรายได้จากบริการข้ามแดนที่ปรับตัวดีขึ้นจาก 4Q54 ซึ่งมีเหตุการณ์น้ำท่วม ประกอบกับกรณีระบบล่มในที่ทำให้ DTAC ต้องจ่ายชดเชยให้ลูกค้าจำนวน 270 ลบ. ใน 4Q54
ด้านบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)ระบุว่า DTAC มีกำไรหลัก 1Q55 เป็น 3.0 พันล้านบาท (-7.1% y-o-y, -12% q-o-q) ถือว่าออกมาอ่อนกว่าที่เราและตลาดคาดไว้ประมาณ 12% และ 2% ตามลำดับ เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าคาด
แต่ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ"DTAC สำหรับประมาณการนั้น กำไร 1Q55 เป็นสัดส่วน 26% เทียบกับประมาณการทั้งปี โดยให้ราคาพื้นฐานที่ 100 บาท ซึ่งไม่รวม 3G ที่จะเปิดประมูล โดยเห็นว่า DTAC ยังน่าสนใจในประเด็นได้ประโยชน์จากการบริโภคในประเทศที่สูงขึ้น, ราคาปิดยังมีส่วนเพิ่มได้อีก 22% เทียบกับราคาพื้นฐาน และได้รับประโยชน์ในการได้ใบอนุญาต 3G ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าหุ้นได้อีก 34 บาทต่อหุ้น (+34%)