นายอติรุฒน์ โตทวีแสนสุข กรรมมการผู้จัดการธุรกิจโมบายล์ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) กล่าวว่า จากกรณีที่คณะอนุกรรมการป้องกันการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีการชี้โครงการสัญญา 3 จี เอชเอสพีเอ รูปแบบใหม่ระหว่าง บมจ.กสท โทรคมนาคม และ กลุ่ม TRUE พบว่าเจ้าหน้าที่รัฐมีการกระทำความผิดในการทำสัญญาฉบับดังกล่าวขัดต่อกฎหมาย และระเบียบใน 3 ประเด็นสำคัญ คือพ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินงานในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 หรือ พ.ร.บ.ร่วมทุน , พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่กำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 หรือ พ.ร.บ.กสทช. และการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต ระเบียบพัสดุว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างนั้น
ทางกลุ่ม TRUE เห็นว่าการตัดสินของคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. ในครั้งนี้ มองว่าเป็นเรื่องของการเมือง ซึ่งทางกลุ่ม TRUE มีความมั่นใจ และยินดีที่จะให้ตรวจสอบองค์กรรวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องในการทำสัญญาดังกล่าวนี้ เพื่อหาข้อสรุปในสัญญาพร้อมทั้งเปิดให้หน่วยงานเข้าตรวจสอบหาข้อเท็จจริงเพื่อที่จะได้เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายอีกด้วย
นอกจากนี้ กลุ่ม TRUE ยืนยันว่าลูกค้าที่ใช้งาน ทรูมูฟ เอช 3 จี จะไม่มีผลกระทบต่อการใช้งานอย่างแน่นอน เนื่องจากในปัจจุบันลูกค้าได้มีการโอนย้ายเข้ามาใช้งานอย่างต่อเนื่อง
ส่วนแผนการดำเนินงานเพื่อขยายพื้นที่ให้บริการ 3 จี ของทรูมูฟ เอช ยังคงดำเนินการขยายเน็ตเวิร์กอย่างต่อเนื่อง ตามที่ได้มีการตั้งเป้าไว้ว่าจะสามารถขยายลูกค้าใหม่ในปีหน้า 4 ล้านราย จากที่ในขณะนี้มีอยู่ประมาณ 8 แสนราย ซึ่งถือว่ายังต่ำกว่าเป้าที่ได้มีการวางไว้ที่ 1 ล้านราย
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมากลุ่ม TRUE ได้มีการวางแผนที่จะใช้งบประมาณในการลงทุนโครงข่าย 3 จี ในปีนี้ที่ 40,000 ล้านบาท และติดตั้งสถานีฐาน 13,000 สถานี ขณะเดียวกันยังได้ดำเนินการแผนรองรับหลังสัญญาสัมปทานที่จะสิ้นสุดในปี 2556 พร้อมพิจารณาดำเนินการขอหมายเลขจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อรองรับการโอนย้ายลูกค้าจาก 2 จี มายัง 3 จี อีกด้วย