ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 พ.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 6 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและการเงินในยุโรป รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองของกรีซ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสเปนที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 6% ในการประมูลเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 97.03 จุด หรือ 0.75% ปิดที่ 12,835.06 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 9.14 จุด หรือ 0.67% ปิดที่ 1,354.58 จุด ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 11.56 จุด หรือ 0.39% ปิดที่ 2,934.71 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงติดต่อกันยาวนานถึง 6 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าความไม่แน่นอนทางการเมืองของกรีซอาจจะส่งผลกระทบต่อการบังคับใช้มาตรการรัดเข็มขัด โดยนายอเล็กซิส ซิปราส ผู้นำพรรคเลฟท์ โคลิชัน ของกรีซ กำลังเตรียมผลักดันนโยบายเพื่อคัดค้านมาตรการรัดเข็มขัดด้วยการส่งหนังสือไปยังผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) โดยระบุว่ากรีซไม่มีพันธะผูกพันต่อข้อตกลงช่วยเหลือทางการเงินที่เคยทำไว้กับสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)
ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสเปนประเภท 10 ปีพุ่งขึ้นเหนือ 6% ในการประมูลเมื่อวานี้ โดยอัตราผลตอบแทนปรับตัวสูงขึ้นทันทีที่มีรายงานว่า รัฐบาลสเปนจะสั่งให้ธนาคารพาณิชย์กันสำรองเงินเพิ่มขึ้น 3.5 หมื่นล้านยูโร (4.5 หมื่นล้านดอลลาร์) สำหรับหนี้อสังหาริมทรัพย์ โดยคาดว่ารัฐบาลสเปนจะประกาศเรื่องนี้หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันศุกร์นี้ และมาตรการนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิรูปภาคธนาคารในวงกว้าง
หุ้นเจนเนรัล อิเล็กทริก (จีอี) ร่วงลง 1.7% ขณะที่หุ้นเจพีมอร์แกนร่วงลงกว่า 1.7%
หุ้นเมซี อิงค์ ร่วงลง 3.7% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้
อย่างไรก็ตาม หุ้นวอลท์ ดิสนีย์พุ่งขึ้น 1.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรรายไตรมาสที่แข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่อง "The Avengers"
ขณะที่หุ้นเอวอน โพรดัคส์ พุ่งขึ้น 9.3% และดีนฟู๊ด ดีดตัวขึ้น 11%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าภาคค้าส่งเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% แตะ 4.804 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนมีนาคม ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% เนื่องจากมูลค่าสต็อกน้ำมันร่วงลงถึง 5.9% นับว่าลดลงมากที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี ส่วนสต็อกยานยนต์เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมีนาคม หลังจากที่ลดลง 1% ในเดือนกุมภาพันธ์
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนมี.ค., กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนเม.ย. และกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย. และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนพ.ค.