บลจ.ไอเอ็นจี เชื่อหุ้นไทยยังมีโอกาสไปต่อ จากปัจจัยความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและแนวโน้มเงินทุนไหลเข้า ยอมรับแม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับการแก้ปัญหาหนี้ยูโรหลังผลการเลือกตั้งฝรั่งเศสและกรีซ แต่ความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นเป็นไปอย่างจำกัด ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทย และตัวเลขภาคการผลิตของสหรัฐฯและจีนยังเป็นแรงสนับสนุน
นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บลจ.ไอเอ็นจี ยังคงมีมุมมองที่ดีต่อตลาดหุ้นไทย แม้ว่าดัชนีจะปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจนสูงสุดที่ 1,240.03 จุด เมื่อวันที่ 3 พ.ค. คิดเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 19.67% นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา จากระดับดัชนีราคาหุ้นปิดทำการวันที่ 4 ม.ค.55 ที่ 1,036.21 จุด
ปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากการที่ตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับแรงหนุนจากความเชื่อมั่นต่อทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย และแนวโน้มกระแสเงินทุนต่างชาติในเชิงบวก ขณะเดียวกัน ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะผลักดันให้ดัชนีราคาหุ้นสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อไปได้
แม้ว่าตลาดจะมีความกังวลการเลือกตั้งฝรั่งเศสที่กดดันบรรยากาศการลงทุน หลังจากที่นายฟรังซัวส์ อัลลองด์ ผู้นำพรรคสังคมนิยม จะเป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี และนายอเล็กซิส ซีพราส ผู้นำพรรคซิริซา ซึ่งเป็นพรรคการเมืองฝ่ายซ้ายของกรีซได้รับสิทธิ์ในการจัดตั้งรัฐบาล โดยนโยบายหลักของพรรคคือการปฏิเสธการช่วยเหลือและข้อตกลงกู้ยืมเงินจาก EU และ IMF ที่อาจส่งผลให้การแก้ไขปัญหาหนี้หนี้สินยุโรปให้ต้องล่าช้าออกไป หรือมีอุปสรรคมากขึ้น แต่ Downside Risk หรือความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงของตลาดก็น่าจะจำกัด เนื่องจากตลาดได้คาดการณ์ประเด็นดังกล่าวล่วงหน้าแล้ว
ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นไทยยังได้รับอานิสงส์ของการเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งล่าสุดมูลค่าซื้อสุทธิอยู่ที่ระดับ 86,345 ล้านบาท (8 พ.ค.55) โดยตลาดได้รับมุมมองในเชิงบวกต่อตัวเลขภาคการผลิตเดือนเมษายนของสหรัฐฯ และจีนที่ดีกว่าที่ตลาดคาด รวมถึงแรงเก็งกำไรผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสแรกอีกด้วย
ดังนั้น เพื่อให้การแสวงหาผลตอบแทนของนักลงทุนสอดคล้องกับทิศทางของตลาดหุ้นไทย บลจ.ไอเอ็นจี จึงแนะนำให้นักลงทุนหาจังหวะเข้าลงทุนในหุ้นผ่านกองทุนรวม ซึ่งจะช่วยกระจายความเสี่ยงจากการลงทุน รวมถึงเป็นการลงทุนผ่านผู้จัดการกองทุนมืออาชีพที่ใกล้ชิดกับข้อมูล และจะทำหน้าที่คัดกรองหุ้นที่จะเข้าลงทุน เพื่อให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่น่าพอใจ ภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้
นายจุมพล กล่าวว่า นักลงทุนควรแสวงหาผลตอบแทนจากตลาดหุ้นผ่านการลงทุนในกองทุนรวม 3 แบบตามความต้องการ ชู “กองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยอีควิตี้ฟันด์" สำหรับนักลงทุนที่ชื่นชอบการลงทุนในหุ้น เผยผลตอบแทนย้อนหลังนับจากต้นปีอยู่ที่ 21.75% สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบที่ให้ผลตอบแทน 18.19%
ขณะที่ “กองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยบาลานซ์ฟันด์" ที่ลงทุนในหุ้น 65-35% ให้ผลตอบแทนย้อนที่ 16.14% สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบที่ 8.70% และ “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย มิกซ์ 15/85 ปันผล" ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น 15% นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดี เชื่อด้วยการบริหารจัดการโดยผู้จัดการกองทุนมืออาชีพและความหลากหลายของนโยบายลงทุน สามารถตอบสนองความต้องการของนักลงทุนได้ทุกกลุ่ม