(เพิ่มเติม) CPF เล็งซื้อกิจการเพิ่ม เจรจาในเอเชีย 3ราย คาดสรุปอย่างน้อย 1 รายปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 10, 2012 11:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร(CPF) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทในเอเชีย 3 รายเพื่อเข้าซื้อกิจการ โดยคาดว่าจะสามารถสรุปผลการเจรจาอย่างน้อย 1 รายภายในครึ่งหลังของปีนี้ ทั้งนี้เพื่อช่วยผลักดันยอดขายให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด จากปีนี้ที่คาดว่ารายได้รวมของบริษัทจะทำได้ตามเป้าหมายอย่างต่ำ 3 แสนล้านบาท โดยแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/55 น่าจะดีกว่าไตรมาส 1/55 หลังจากราคาเนื้อสัตว์ปรับตัวดีขึ้น

นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร CPF คาดว่าในปี 55 บริษัทจะสามารถทำกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กำไรของบริษัทปีนี้ที่ประมาณกว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการขยายธุรกิจในต่างประเทศ นอกเหนือการเติบโตจากธุรกิจหลักที่มีอยู่

รวมทั้งการเข้าซื้อกิจการอื่นเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ทำให้ CPF เติบโต. โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาซื้อกิจการในเอเชีย 3 รายส่วนใหญ่เป็นธุรกิจอาหารสำเร็จรูป อาจจะมีข้อสรุปได้อย่างน้อย 1 รายในไตรมาส 3/55 หรือไตรมาส 4/55 โดยบริษัทจะเข้าไปซื้อหุ้นไม่ต่ำกว่า 20% จนถึง 100% หากไม่ได้ตามเงื่อนไขดังกล่าวก็คงจะไม่เข้าลงทุน ขนาดธุรกิจที่เจรจาอยู่มีทั้งระดับพันล้านบาทและสูงถึงหมื่นล้านบาท

ดังนั้น บริษัทคาดว่ารายได้จากต่างประเทศในอีก 3 ปีข้างหน้าจะขยายสัดส่วนเป็น 60%. จากปีนี้ที่คาดว่าอยู่ระดับ 50% ขณะที่รายได้จากในประเทศลดสัดส่วนลงเหลือ 40% โดยปัจจุบัน CPF ลงทุนธุรกิจเกษตรอุสาหกรรมและอาหารใน 12 ประเทศ

"ในอดีตเราโตจากการสร้าง value chain และเราเริ่มโตจากการซื้อธุรกิจ ยอดขายปี 55 เรายังไม่ปรับเป้า คิดว่าได้ 3 แสนล้านบาทหรือ 3 แสนล้านบาทต้นๆ สิ่งที่เรามุ่งมั่นเติบโตเรายังสร้างฐานเติบโตขึ้น CPF เข้าซื้อธุรกิจเข้ามาเพื่อสร้างความเติบโต"นายอดิเรกกล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเงินลงทุนในปีนี้ที่ระดับ 1.5 หมื่นล้านบาท ไม่นับรวมการเข้าซื้อกิจการใหม่

นายอดิเรก กล่าวว่า แนวโน้มรายได้และกำไรในไตรมาส 2/55 และ ไตรมาส 3/55 จะดีกว่าช่วงดียวกันของปีก่อนโดยในไตรมาส2/54 บริษัทมีกำไร 4.8 พันล้านบาท ไตรมาส 3/54 มีกำไร 5.1 พันล้านบาท เนื่องจากราคาเนื้อสัตว์ในขณะนี้เริ่มปรับตัวสูงขึ้น เช่น ราคาไก่เป็นเพิ่มมาที่ 40 บาท/ก.ก. ราคาเนื้อหมูขึ้นมาที่ 60 กว่าบาท/ก.ก. จากที่ต่ำสุดที่ 44-45 บาท/ก.ก.ในไตรมาส1/55

ประกอบกับ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ไทยจะสามารถนำเข้าเนื้อไก่สดไปขายในตลาดสหภาพยุโรป(อียู)ได้อีกครั้ง จะส่งผลทำให้อุตสาหกรรมไก่ส่งออกดีขึ้น และเชื่อว่าในไตรมาส 2-3/55 กำลังซื้อในประเทศดีขึ้นจากเศรษฐกิจจะเติบโตดีขึ้น

"ผมคิดว่าไตรมาส 2 ไตรมาส 3 กลับมาเป็น peak season จะทำให้ตัวเลขในไตรมาส 2 ไตรมาส 3ดีขึ้น"นายอดิเรก กบ่าว

อย่างไรก็ดี ขณะนี้ราคาวัตถุดิบ เช่น กากถั่วเหลือง ข้าวโพดปรับขึ้นมา รวมทั้งค่าแรง แต่ราคาอาหารสำเร็จรูปของบริษัทยังไม่ปรับราคา

นอกจากนั้น ในปีนี้คาดว่าการส่งออกเนื้อไก่แปรรูป 1.2 แสนตัน จากปีก่อน 1 แสนตัน ส่วนไก่สดคาดว่าปีนี้ส่งได้ 2-3 หมื่นตัน. หลังจากที่หยุดการส่งออกไก่สดครั้งสุดท้าย 5-6 หมื่นตัน ส่วนกุ้งคาดว่าปีนี้ส่งออกเพิ่มเป็น 6.5 หมื่นตันเพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อนที่ส่งออก 5 หมื่นตัน

ทั้งนี้ ในปี 55 บริษัทจะมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออก 9% จากปีก่อน 13% ของรายได้รวม และเชื่อว่าในไตรมาส 4/55 ญี่ปุ่นและอีกหลายประเทศประกาศนำเข้าไก่สดแช่แข็งตามอียู


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ