บมจ.ออฟฟิศเมท(OFM) ปรับเพิ่มเป้ารายได้ในปี 55 เป็นเติบโต 25% จากเดิม 20% โดยคาดว่ายอดขายจะสูงขึ้นทะลุ 1.6 พันล้านบาทในปีนี้ จากปีก่อนอยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิจะขยายตัวถึง 50-60% หลังจากประเมินว่าอัตรากำไรสุทธิทั้งปีนี้จะสูงขึ้นเป็น 6% จากปีก่อนอยู่ที่กว่า 3% โดยในช่วงไตรมาส 1/55 ทำได้กว่า 6%แล้ว
บริษัทยังอยู่ระหว่างการเตรียมแผนเพิ่มทุนที่คาดว่าจะสรุปได้ภายในปีนี้เพื่อขยายธุรกิจในอนาคต โดยบริษัทมีเป้าหมายจะขยายตลาดต่างประเทศเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ซึ่งบริษัทจะมีการลงทุนอีก 120 ล้านบาท เพื่อสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ในปี 56
นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ OFM กล่าวว่า กำไรสุทธิในปี 55 คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 50-60% จากปี 54 ที่มีกำไรสุทธิ 46 ล้านบาท และไตรมาส 1/55 มีกำไรแล้ว 30 ล้านบาท บริษัทคาดว่าจะมีอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 6% จาก 3.6% ในปี 54 และช่วงไตรมาส 1/55 อยู่ที่ 6.8% แล้ว เนื่องจากบริษัทมีต้นทุนการดำเนินงานลดลง ขณะที่ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
บริษัทปรับเพิ่มเป้ารายได้ปีนี้เติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 25% จากปี 54 ทำรายได้ 1.27 พันล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายทะลุ 1.6 พันล้านบาท จากปี 54 ที่มียอดขายกว่า 1.2 พันล้านบาท บริษัทมีแผนจะกระจายยอดขายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น เนื่องจากยังมีโอกาสในการขยายตัว โดยกลุ่มลูกค้ายังกระจุกตัวในตัวเมือง ซึ่งเป็นกลุ่มที่นิยมสินค้าไฮเทค
พร้อมกันนั้น บริษัทมีแผนจะเปิดเทรนดี้เดย์ช็อป 2-3 แห่งในปีนี้ หลังจากเปิดแห่งแรกไปแล้วที่เมกะ บางนา ใช้เงินลงทุนแห่งละไม่ถึง 30 ล้านบาท ซึ่งสาขาดังกล่าวไม่ได้เน้นเปิดร้านเพื่อทำยอดขาย แต่ต้องการแนะนำสินค้าให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลูกค้าให้มาซื้อผ่านออนไลน์
"แนวโน้มยอดขายปีนี้ทำนิวไฮเกือบทุกเดือน มียอดขายทะลุ 10 ล้านบาทต่อวันแล้ว ซึ่งจะเป็นมาตรฐานในการสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นในอนาคต แต่ยอดขายเฉลี่ยจะอยู่ที่ 7 ล้านบาทต่อวัน...แนวโน้มยอดขายดีขึ้นต่อเนื่องมีทิศทางที่จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกันทุกไตรมาส จากเดิมที่ยอดขายจะดีมากในช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 3" นายวรวุฒิ กล่าว
นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาความร่วมมือกับ บมจ.จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ (GRAMMY)ในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท เพื่อนำสินค้าของศิลปินแกรมมี่มาขายผ่านร้านค้าและช่องทางจำหน่ายของบริษัท โดยมีแผนจะตั้งคลังสินค้าใหม่ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมเป็นเท่าตัวในปี 56 รองรับสินค้าที่มีมาวางขายมากขึ้น หลังจากมีพันธมิตรร้านค้าต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งบริษัทตั้งงบตกแต่งและก่อสร้าง 120 ล้านบาท
และในเดือนมิ.ย.นี้ บริษัทจะหารือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)เกี่ยวกับรูปแบบการเพิ่มทุนขอองบริษัทเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต อีกกทั้งจะช่วยเพิ่มฟรีโฟลตให้กับหุ้นของบริษัท บริษัทมีเป้าหมายจะย้ายจากตลาดหลักทรัพีย์ เอ็ม เอ ไอ เข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ SET และภายใน 3-4 ปีข้างหน้าบริษัทมีแผนจะเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านการเปิดร้านเทรดดี้เดย์ช็อปและระบบอีคออมเมิร์ชเพื่อรองรับ AEC ในปี 58