นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์(BTS) กล่าวว่า ในงวดปี 55/56 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้เติบโต 20% จากปีก่อน โดยรายได้หลักยังคงมาจากธุรกิจรถไฟฟ้าที่คาดว่างวดปีนี้ยอดผู้โดยสารจะเติบโต 12-15% จากปีก่อนที่มียอดผู้โดยสาร 176 ล้านเที่ยวคน
นอกจากนี้ บริษัทยังคงมีแผนการลงทุนต่อเนื่องในการซื้อตู้รถไฟฟ้าเพิ่มเติม 35 ตู้เพื่อรองรับการขยายบริการ ซึ่งจ่ายเงินไปแล้ว 50% และปีนี้จะมีการจ่ายเงินเพิ่มในส่วนที่เหลือ นอกจากนั้น บริษัทจะลงทุนติดตั้งรั้วและประตูอัตโนมัติเพื่อเพิ่มมาตรการป้องกันอุบัติเหตุให้กับผุ้โดยสารรถไฟฟ้า บริเวณสถานีสยาม ฝั่งพารากอน คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปีนี้
นายคีรี กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้รับการติดต่อเข้าไปบริหารรถไฟฟ้าในต่างประเทศ 5 ราย แต่ต้องยอมรับว่าคงดำเนินเรื่องล่าช้า เพราะสภาพการเมืองในแต่ละประเทศก็มีความแตกต่างกัน
ขณะที่ ธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ยังเติบโตต่อเนื่อง ภายใต้แบรนด์ Abstract และยังมีโรงแรม บนนถนนสาทร ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ พ.ค.55
นายคีรี ยังกล่าวถึงธุรกิจสื่อโฆษณา ภายใต้ บริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด(VGI) ซึ่งเป็นบริษัทที่ BTS ถือหุ้น 100% โดยเป็นผู้พัฒนาสื่อโฆษณาภายในอาคารและระบบขนส่งมวลชน บริษัทคาดว่าจะนำ VGI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในปี 55 ขณะนี้ได้แต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินแล้ว
ในงวดปี 55/56 คาดว่า VGI จะมีรายได้ 2.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 2 พันล้านบาท ซึ่งการเติบโตของรายได้กว่า 40% จะมาจากกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ได้ลงนามสัญญาซื้อขายพื้นที่โฆษณากับห้างบิ๊กซี และ เทสโก้ โลตัส
กรณีที่รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยระบุว่าจะดำเนินกระบวนการตรวจสอบการทำสัญญาสัมปทานลบริหารการเดินรถส่วนต่อขยายที่ กทม.ทำไว้กับบริษัทนั้น นายคีรี กล่าวว่า สัญญาสัมปทานเดิมก็ยังมีอายุ 17 ปี แม้จะมีการว่าจ้างให้บริษัทบริหารเส้นทางอ่อนนุช-แบริ่งในส่วนต่อขยายสายสีเขียว โดยยืนยันว่าสัญญาที่ทำมีความรอบคอบและมีการศึกษาเป็นเวลาร่วมกว่า 2 ปี แต่หากมีการตรวจสอบและชี้มูลความผิดบริษัทก็พร้อมจะต่อสู้ทางกฎหมาย
"ไม่อยากมองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาการเมือง เข้าใจว่า หลายประเทศก็ประสบปัญหาในรูปแบบนี้ เราในฐานะเอกชนก็รอให้ภาครัฐตกลงกันให้ได้ แต่สัญญาที่เกิดขึ้นไม่ใช่การขยายเวลาสัญญาสัมปทาน"นายคีรี กล่าว