นายสลิบ สูงสว่าง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไฮโดรเท็ค (HYDRO) เปิดเผยว่า ในปี 55 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไม่น้อยกว่า 1 พันล้านบาท ถือเป็นสถิติสูงสุด จากปี 54 ที่มีรายได้ 690 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิคาดว่าจะทำได้ราว 70 ล้านบาท จากปี 54 ที่มีกำไรสุทธิ 47 ล้านบาท โดยอัตรากำไรสุทธิอยู่ในระดับ 7-8% ใกล้เคียงปีก่อน
ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (backlog) ที่จะรับรู้รายได้ในปีนี้ 1.23 พันล้านบาท และมีงานที่เตรียมเข้าประมูล และอยู่ระหว่างรอผลประมูลอีก 2.35 พันล้านบาท มั่นใจว่าจะได้รับงานประมาณ 70% หรือเป็นมูลค่าราว 1.5 พันล้านบาท โดยงานส่วนหนึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้อีกประมาณ 20% สัดส่วนงานมาจากภาครัฐ 70% และภาคเอกชน 30%
"ในไตรมาส 1 เรามีผลขาดทุนเพราะต้องจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคล แต่ตั้งแต่ไตรมาส 2 จะมีกำไรต่อเนื่อง เพราะมีการรับรู้รายได้ไม่น้อยกว่า 1 พันล้านบาทจาก backlog ที่มีอยู่" นายสลิบ กล่าว
สำหรับการลงทุนในต่างประเทศ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนผลิตน้ำประปาในประเทศลาว มูลค่า 100-300 ล้านบาท มีกำลังการผลิตราว 2 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร/วัน คาดว่าในไตรมาส 3/55 จะมีข้อสรุปถึงการลงทุนที่ชัดเจน รวมถึงการลงทุนผลิตน้ำประปาในประเทศพม่า มูลค่าลงทุน 300-500 ล้านบาท กำลังการผลิตราว 1 แสนล้านลูกบาศก์เมตร/วัน
แต่การลงทุนในพม่าจะมีคู่แข่งค่อนข้างมากเนื่องจากเป็นช่วงการเปิดประเทศรับการลงทุน จึงคาดว่าผลการศึกษาการลงทุนในพม่าจะมีข้อสรุปในอีก 1-2 ไตรมาส
ส่วนการลงทุนในประเทศโอมาน เป็นการลงทุนเปลี่ยนน้ำทะเลเป็นน้ำจืด ขณะนี้เตรียมเจรจากับ บมจ.ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น(TRC) เนื่องจากมีฐานการลงทุนในโอมานอยู่แล้ว
นายสลิบ กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาสที่ 1/2555 ของบริษัทฯ โดยระบุว่ามีรายได้รวม 180.72 ล้านบาท เติบโต 6.06% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 12.51 ล้านบาท กำไรสุทธิปรับตัวลดลง 3.54 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันปีก่อน เนื่องจาก HYDRO ต้องเสียภาษีนิติบุคคล จำนวน 4.13 ล้านบาท ในขณะที่ช่วงระยะเวลาเดียวกันปีที่แล้วไม่ต้องเสียภาษี
“ผลประกอบการในไตรมาสแรก ถือเป็นไปตามเป้าหมายของบริษัทฯ อยู่ ซึ่งเราได้ประมาณการณ์ไว้แล้วว่ากำไรจะปรับน้อยลงเล็กน้อย แต่เป็นเพราะเรื่องรายจ่ายด้านภาษี แต่ในแง่ของผลประกอบการปกติยังคงปรับตัวดีอย่างต่อเนื่อง และในไตรมาส 2 มีแนวโน้นปรับตัวดีขึ้นอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้" นายสลิบ กล่าว