นายกอบชัย ธนสุกาญจน์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการเงินและฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น (TTCL) คาดว่าในปี 55 บริษัทจะมีกำไรสุทธิดีกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 403.67 ล้านบาท เนื่องจากตั้งเป้าอัตรากำไรสุทธิในปีนี้ที่ระดับ 5% สูงขึ้นจากปีก่อนประมาณ 4.5% เป็นผลจากการบริหารควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ
ประกอบกับ บริษัทคาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโต 20-30% จากปีก่อนที่มีรายได้ 8.9 พันล้านบาท อย่างไรก็ดี อัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ปรับลดลงมาที่ระดับ 10% จากปีก่อนที่อยู่ระดับ 11.73% เนื่องจากมูลค่างานสูงขึ้น
นายกอบชัย กล่าวว่า ไตรมาส 2/55 คาดว่ารายได้จะเติบโตกว่าในไตรมาส 1/55 ที่มีรายได้ 2.16 พันล้านบาท จากงานในมือ(backlog) ณ สิ้นมี.ค.55 อยู่ที่ 1.75 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้
และบริษัทยังคาดว่าจะได้งานใหม่เข้ามาอีกมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 30% จากงานที่ยื่นไปประมูลไปแล้ว มูลค่ารวม 8.06 หมื่นล้านบาท โดยเป็นงานต่างประเทศ 9 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 3.49 หมื่นล้านบาท ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นโครงการผันน้ำทะเลเป็นน้ำจืดในกาตาร์ มูลค่าสูงถึง 9 พันล้านบาท ส่วนงานในประเทศมี 10 โครงการ มูลค่ารวม 4.57 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทรอผลประมูลในกาตาร์ภายในไตรมาส 2/55 ซึ่งเป็นงานที่บริษัทร่วมกับ มิตซูบิชิ และ Hitachi Zozen
นอกจากนั้น บริษัทได้เตรียมเงินลงทุนประมาณ 1-2 พันล้านบาทที่มาจากกระแสเงินสดของบริษัทในการเข้าร่วมลงทุนโครงการด้านพลังงานจำนวน 4 โครงการทั้งที่อยู่ในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้เกิดรายได้ระยะยาวให้กับบริษัท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุน
ส่วนโครงการที่ลงทุนแล้ว 2 แห่ง ได้แก่ โรงไฟฟ้านวนคร มีกำลังการผลิต 110 เมกะวัตต์ บริษัทลงทุนในหุ้นบุริมสิทธิ์ 70% เป็นเงิน 1.1 พันล้านบาท โดยจะเริ่มจ่ายไฟฟ้าได้ในไตรมาส 1/56 และโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 8 เมกะวัตต์ที่ จ.อ่างทอง ร่วมทุนกับบริษัท สยามโซล่าร์พาวเวอร์ คาดว่าจะจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนพ.ย. 55
ทั้งสองโครงการดังกล่าวบริษัทคาดว่าจะได้รับรู้รายได้จากเงินปันผลรวมกันประมาณ 100-150 ล้านบาทในปี 57 หลังจากดำเนินงานเต็มปีในปี 56 อัตราผลตอบแทนประมาณ 10.5% ถือว่าดีกว่าเงินฝาก
ขณะเดียวกัน บริษัทมีวงเงินกับสถาบันการเงินอยู่ 1.2 หมื่นล้านบาท กับธนาคาร 8 แห่งทั้งในและต่างประเทศ ในการเข้าประมูลงานในและต่างประเทศที่มีมูลค่าสูง และพร้อมจะออกหนังสือค้ำประกันให้บริษัทได้ทันท่วงที
ด้านนางสุรัตนา ตฤณรตนะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายขายและจัดซื้อจัดหา TTCL เปิดเผยว่า บริษัทได้เตรียมพร้อมในการรับงานในประเทศพม่าที่ประเมินว่าภายใน 5 ปีข้างหน้าจะมีโครงการต่างๆ เกิดขึ้นมาก หากนานาประเทศยกเลิกการคว่ำบาตรประเทศพม่า โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้จัดตั้งบริษัทลูกในพม่าแล้ว และได้รับวิศกรชาวพม่าเข้ามาฝึกอบรมที่กรุงเทพ ปัจจุบันมีจำนวนประมาณ 30-40 คน
"เรามีมุมมองระยะยาวกับการลงทุนในพม่า ซึ่งตอนนี้มี potential สูง ...เรามองงานที่เราถนัด เช่น งานด้านปิโตรเคมี ดาวน์สตรีม โรงปุ๋ย... ถ้ามีการยกเลิกแซงชั่นเร็วภายใน 3 ปีนี้ก็อาจจะเข้าไปเร็วขึ้น"นางสุรัตนา กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทได้มีบริษัทย่อยในมาเลเซีย เวียดนาม และสาขาในฟิลิปปินส์ เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อรองรับกับงานที่จะเพิ่มขึ้น และจะมีโอกาสรับงานได้ดีขึ้นในแต่ละประเทศในกลุ่มอาเซียนที่จะเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) รวมทั้งบริษัทยังมีบริษัทย่อยในสหรัฐ และในเมืองอาบูดดาบีด้วย