นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู (BANPU)กล่าวว่า ช่วงไตรมาส 2 ถึงไตรมาส 4 ของปี 55 คาดว่าผลประกอบการจะกลับมาดีขึ้นจากไตรมาส 1/55 ที่ปรับตัวลดลงตามปริมาณการผลิตถ่านหินในเหมืองออสเตรเลียที่ได้รับผลกระทบจากการประท้วงนัดหยุดงาน และที่อินโดนีเซียพบปัญหาฝนตกหนัก ประกอบกับ ความต้องการในตลาดโลกจะสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
"ช่วงที่เหลือของปี เชื่อว่าผลประกอบการจะ Pick Up กลับมา และดีขึ้นต่อเนื่อง เพราะความต้องการใช้ถ่านหินในตลาดโลกเพิ่มขึ้นทั้งจากจีน ญี่ปุ่น ส่วนราคาน้ำมันที่เดิมกระทบต้นทุนเราก็เริ่มอ่อนตัวลง แต่เรายังมองว่าผลการดำเนินงานปี 55 คงใกล้เคียงกับปี 54"นายชนินท์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปี 55 บริษัทคาดว่าปริมาณการผลิตและขายถ่านหินจะอยู่ที่ 47.7 ล้านตัน จากปีก่อนที่มี 42 ล้านตัน และในปี 56 คาดว่ากำลังการผลิตจะเพิ่มเป็น 51.7 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 4 ล้านต้น โดยมาจากเหมืองอินโดนีเซีย 3 ล้านตัน และอีก 1 ล้านตันมาจากออสเตรเลีย
สำหรับการขายถ่านหินล่วงหน้า บริษัทจะเริ่มหลังเดือน มิ.ย.เป็นต้นไป สำหรับปี 55 คาดว่าราคาขายถ่านหินจะสูงกว่า 97 เหรียญสหรัฐ/ตัน แต่คาดว่าจะไม่เกิน 100 เหรียญสหรัฐ/ตัน
นายชนินท์ กล่าวว่า ราคาขายที่ปรับลดลงในช่วงนี้จะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อกิจการเหมืองเพิ่มเติม โดยพื้นที่หลักยังคงเป็นอินโดนีเซีย
ส่วนโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี ยังคงสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับ BANPU และยังมีโอกาสเติบโต แม้ว่าจะมีปัญหาเรื่องแหล่งถ่านหินที่ใช้เป็นพลังงานในโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี และเชื่อว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) บีแอลซีพี จะสามารถแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ได้ และบริษัทไม่ได้มีแนวคิดจะขายธุรกิจนี้ออกไป