ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดตลาดปรับตัวลดลงในวันนี้ หลังจากที่เจพี มอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐยอมรับว่า ธนาคารขาดทุนอย่างไม่คาดคิดจากการทำธุรกิจเทรดดิ้งเป็นวงเงินทั้งสิ้น 2 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 69.63 จุด หรือ 0.54% ที่ 12,785.41 จุด ดัชนี S&P 500 อ่อนลง 8.09 จุด หรือ 0.60% ที่ 1,349.90 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 11.95 จุด หรือ 0.41% ที่ 2,921.69 จุด
เจพีมอร์แกน เชส เผยว่าธนาคารขาดทุนอย่างไม่คาดคิดจากการทำธุรกิจเทรดดิ้งเป็นวงเงินทั้งสิ้น 2 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากการเก็งกำไรที่ผิดพลาดในตราสารอนุพันธ์ของ Chief Investment Office ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านบริหารความเสี่ยงของเจพีมอร์แกน
รายงานของเจพีมอร์แกนระบุว่า หลังจากที่ได้พิจารณาถึงรายได้ทางด้านหลักทรัพย์อื่นๆแล้ว เจพีมอร์แกนได้ปรับเพิ่มประมาณการการขาดทุนสุทธิของ Chief Investment Office เป็น 800 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ปีนี้ ตรงข้ามกับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะมีกำไร 200 ล้านดอลลาร์
นายเจมี ไดมอน ประธานบริหารของเจพีมอร์แกนกล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการเมื่อวานนี้ว่า การขาดทุนครั้งนี้มีสาเหตุมาจาก "ความผิดพลาด, ความประมาท และการตัดสินใจที่ไม่ถูกต้อง"
ข่าวการขาดทุนของเจพีมอร์แกนได้สร้างความวิตกกังวลต่อตลาด และยังได้ฉุดหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงด้วย โดยหุ้นเจพีมอร์แกน ร่วงลงกว่า 9% หุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 4% ส่วนหุ้นโกลด์แมน แซคส์ และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลงราว 3%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในคืนนี้ โดยรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนพ.ค. และกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย.