(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: หุ้นไทยเช้านี้คาดรีบาวน์ช่วงสั้น ยังกังวลปัญหาในยุโรป

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 14, 2012 09:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้น หลังตลาดปรับลงต่อเนื่องจากความกังวลปัญหายุโรป แต่ปัญหาการเมืองในกรีซยังเป็นแรงกดดดันต่อเนื่องหลังจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ ส่งให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่า ให้แนวรับไว้ที่ 1,165 - 1,168 จุด และ แนวต้าน 1,200 จุด แนะลงทุนรายตัว

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าหลังจากที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงต่อเนื่อง 3-4 วันติดต่อกันแต่คาดว่าจะเป็นการรีบาวน์ในช่วงสั้นๆเนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลปัจจัยเรื่องยุโรปเช่นเดิมโดยสถานการณ์ยังคงน่ากังวลจากปัญหาวุ่นวายทางการเมืองในกรีซยังไม่ได้ข้อยุติ หลังมีข่าวว่า การเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสมเฮือกสุดท้ายไม่ประสบผลสำเร็จโดยส่งผลให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงและค่าเงินดอลล่าร์แข็งค่าทำให้เกิดความกดดันเรื่องกระแสเงินไหลออกอีกด้วย

ทั้งนี้ กรอบการลงทุนให้แนวรับที่ 1,165-1,168 จุด แนวต้าน 1,200 จุด แนะนำนักลงทุนให้ถือหุ้น 40% เน้นการลงทุนหุ้นรายตัว หาจังหวะ Trading หุ้นเด่นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ สื่อสาร

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา(11 พ.ค.) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 12,820.60 จุด ลดลง 34.44 จุด (-0.27%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,353.39 จุด ลดลง 4.60 จุด (-0.34%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,024.30 จุด เพิ่มขึ้น 0.18 จุด (+0.01%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,125.54 ล้านบาทเมื่อวานนี้
  • ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน มิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการเมื่อวานนี้ที่ 102.54 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 95 เซนต์ (-0.98%)
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (11 พ.ค.)ปิดที่ 5.83 เหรียญฯ/บาร์เรล
  • กระทรวงการคลังแย้มข่าวดีต่ออายุคืนภาษีสิทธิ์รถคันแรก โดยนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง กล่าวว่า ภายใน 2 เดือน นี้ จะสรุปโครงการคืนเงินรถคันแรก 1 แสนบาท ที่จะสิ้นสุดในสิ้นปีนี้ ว่าจะมีการขยายระยะเวลาโครงการออกไปอีกหรือไม่ เพื่อให้คนที่ซื้อได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่และทั่วถึง ซึ่งจะเรียกผู้ประกอบการหารือความสามารถในการผลิต ว่ามีปัญหาอุปสรรคในการส่งมอบรถหรือไม่

-'โต้ง'ล้มประมูลสายสีแดง ทั้งนี้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับผู้บริหารขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจก้า) เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา ทางไจก้าได้สอบถามถึงการดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ที่ประเทศไทยได้มีการลงนามในสัญญาเงินกู้กับไจก้าไปแล้ว วงเงินกว่า 63,018 ล้านเยน แต่ปัจจุบันยังไม่มีการเบิกจ่ายเงินกู้ ว่าเกิดปัญหาอะไรบ้าง ซึ่งได้ชี้แจงไปว่า ขณะนี้โครงการยังไม่สามารถดำเนินการได้เพราะในขั้นตอนการประกวดราคายังมีปัญหาเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมประกวดราคาในสัญญาที่ 3 ทำให้โครงการล่าช้า โดยเบื้องต้นเห็นว่าอาจต้องให้กระทรวงคมนาคมเปิดประมูลใหม่ เพื่อให้โครงการเดินหน้าได้รวดเร็วขึ้น และไทยจะสามารถเบิกจ่ายเงินกู้กับทางไจก้าได้

  • ไอซีทีสั่งปรับแผน 3 จี เสนอบอร์ดเคาะ 15 พ.ค. นี้ ทั้งนี้น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที เปิดเผยว่า กระทรวงฯ จะมีการเรียกคณะกรรมการ หรือบอร์ด บริษัททีโอที เข้าพบในวันที่ 15 พ.ค.นี้ เพื่อให้นโยบายเกี่ยวกับแผนการให้บริการ 3 จีใหม่ หลังการดำเนินงานที่ผ่านมาผิดพลาดและล้มเหลว ซึ่งหากปล่อยไว้จะทำให้ทีโอทีประสบปัญหามากกว่านี้ เพราะเป็นโครงการที่ลงทุนสูงถึง 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งจำเป็นที่ทางไอซีทีจะต้องเร่งดำเนินการแก้ไขเพื่อที่จะได้ไม่ให้ย่ำแย่มากไปกว่านี้ ซึ่งทางไอซีทียังต้องการที่จะให้ทีโอทีวางตำแหน่งเป็นผู้ให้บริการโครงข่าย หรือเน็ตเวิร์ค โพรวายเดอร์ ให้เหมือนกับ กสท โทรคมนาคม เพราะเนื่องจากโครงข่ายถือเป็นจุดแข็งของทั้ง 2 องค์กร ขณะที่จุดอ่อนคือ ไม่มีความเชี่ยวชาญด้านการทำตลาด จึงควรใช้จุดแข็งที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์มากกว่าทำในสิ่งที่ไม่ถนัด
  • พาณิชย์ถกเอกชน 200 รายตรึงราคาสินค้าถึงสิ้นปีโดยเรียกผู้ประกอบการกว่า 200 ราย ถกราคาสินค้า 15 พ.ค. มั่นใจตรึงถึงสิ้นปี ชงคณะอนุกรรมการอาหารปรุงสำเร็จ คุมโมเดิร์นเทรดห้ามขึ้นค่าฟีสินค้าจำเป็น ด้าน "บุญทรง" เสนอ ครม.วันนี้ ให้อาหารสำเร็จรูปเป็นสินค้าควบคุม "สศค." ประเมินภาพรวมการบริโภคไม่ลด มั่นใจไม่เกิดกรณีกักตุนสินค้า หลังค่าครองชีพทยอยปรับตัวสูงขึ้น ห่วงราคาพลังงานและค่าแรง ส่งผลกระทบต่อการปรับขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในครึ่งหลังของปี
  • ธปท.หวั่นเงินเฟ้อทะลุเป้า4.5% ซึ่งกระทรวงการคลัง-ธปท.นัดหารือเงินเฟ้อทุกไตรมาส ห่วงไตรมาส 4 ขึ้นไปถึง 4.5% หลุดเป้าหมายที่ 0.5-3% จ้องทยอยขึ้นดอกเบี้ยสกัด ทั้งนี้ประเมินว่าในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ กรณีเลวร้ายที่สุด เงินเฟ้อพื้นฐานอาจมีโอกาสขึ้นไปที่ระดับ 3-4.5% ซึ่งสูงกว่ากรอบเงินเฟ้อที่ตั้งไว้ในปีนี้ที่ 0.5-3% ได้ ดังนั้น กระทรวงการคลังและ ธปท. จำเป็นต้องหารือกันใกล้ชิดยิ่งขึ้นหรือทุกไตรมาส เพื่อดำเนินนโยบายให้เหมาะสมและทันสถานการณ์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ