DRT มั่นใจ Q2/55 ยังไปได้สวยตามดีมานด์สูง หลัง Q1/55 กำไรโตเด่นถึง 49%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 14, 2012 10:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอัศนี ชันทอง กรรมการผู้จัดการ บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร(DRT) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 1/55 ว่า บริษัทฯ มีรายได้ 1,051 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 10.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งมีรายได้ 951 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 192 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 63 ล้านบาท คิดเป็น 49.0% ซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปี 2554 ที่มีกำไรสุทธิ 129 ล้านบาท โดยมีการรับรู้กำไรจากการขายที่ดินที่ไม่ได้ใช้งาน 44 ล้านบาท (หลังหักภาษีนิติบุคคลแล้ว) ช่วยหนุนผลประกอบการไตรมาสแรกให้สูงขึ้น

“ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกที่ดีขึ้นทั้งรายได้และกำไรสุทธินั้น มีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญมาจากความสามารถในการทำตลาดของผลิตภัณฑ์ตราเพชรที่สูงขึ้น มีการขยายตลาดในประเทศผ่านช่องทางขายร้านค้าวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ เพื่อรองรับพฤติกรรมของลูกค้า รวมทั้งยังสามารถขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดประเทศพม่าและกัมพูชา เนื่องจากบริษัทมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตอบสนองความต้องการและสร้างความเชื่อมั่นถึงคุณภาพสินค้าที่ดีให้แก่ลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น จึงเป็นแรงหนุนสำคัญที่ช่วยสร้างยอดขายให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง"นายอัศนี กล่าว

ด้านนายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด DRT กล่าวว่า บริษัทฯ เชื่อว่าปี 55 จะรักษาอัตราเติบโตของรายได้ที่ตั้งเป้าไว้ 10% เพราะมีความพร้อมด้านกำลังการผลิตที่สูงขึ้น โดยในช่วงกลางปีนี้บริษัทฯจะสามารถเริ่มเดินเครื่องสายการผลิต NT10 ซึ่งเป็นสินค้ากลุ่มไฟเบอร์ซีเมนต์ ด้วยกำลังการผลิต 72,000 ตัน ทำให้กำลังการผลิตรวมของตราเพชรเพิ่มเป็น 752,000 ตันต่อปี เพื่อรองรับความต้องการสินค้าในกลุ่มวัสดุก่อสร้างทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ส่วนแนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 2/55 เชื่อว่าจะยังมีอัตราการเติบโตที่ดี โดยมีปัจจัยจากตลาดซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ที่ผู้บริโภคเริ่มทยอยซ่อมแซมที่อยู่อาศัยหลังจากภาวะน้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา ส่งผลให้ความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 2/55 ที่มีปัจจัยเสี่ยงจากภาวะต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันและค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้นเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทฯ มากนัก เนื่องจากได้เตรียมแผนรับมือบริหารความเสี่ยงจากปัจจัยดังกล่าวไว้แล้ว จึงมั่นใจว่าจะสามารถผลักดันการเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

ขณะที่แผนการดำเนินงานตลาดต่างประเทศนั้น บริษัทฯ มองเห็นโอกาสผลักดันยอดขายเพิ่มขึ้น โดยใช้ความพร้อมด้านกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น เพื่อหนุนยอดขาย โดยมีตลาดส่งออกที่สำคัญได้แก่ กัมพูชา พม่า ลาว เวียดนาม ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าสามารถผลักดันเป้าสัดส่วนยอดขายจากการส่งออกเพิ่มเป็น 20% ได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ