(เพิ่มเติม) SALEE ขยายงานฉีดพลาสติก-สติ๊กเกอร์หลังออร์เดอร์ล้น,ศึกษาสยายปีกออกตปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 14, 2012 15:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสาทิส ตัตวธร กรรมการผู้จัดการ บมจ.สาลี่อุตสาหกรรม(SALEE) เผยบริษัทเตรียมขยายงานในทุกด้านเพื่อรองรับแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ หลังจากออร์เดอร์ทยอยเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานฉีดพลาสติกชิ้นส่วนยานยนต์ ขณะที่กำลังการผลิตตอนนี้ใช้งานเต็มที่ 100% แล้ว

ในปีนี้บริษัทเตรียมเงินลงทุนราว 150 ล้านเพื่อเพิ่มเครื่องจักรใหม่ พร้อมทั้งเตรียมลงทุนขึ้นโรงงานฉีดพลาสติกแห่งใหม่ในพื้นที่ใกล้เคียงโรงงานเดิมขยายการผลิตอีก 50% คาดเริ่มผลิตไตรมาส 1/55 และพิจารณาแนวทางขยายการผลิตงานพริ้นติ้งสติกเกอร์น่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 2-ไตรมาส 3/55

นอกจากนั้นยังศึกษาการขยายธุรกิจออกไปยังต่างประเทศ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่ขยายการลงทุนในต่างประเทศเพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) โดยมองเป้าหมายที่เวียดนามและอินโดนีเซีย คาดว่าจะได้ความชัดเจนภายในกลางปี 56

"ตอนนี้เราอยู่ในช่วงเพิ่งเทคออฟ เครื่องบินยังขึ้นไม่เต็มที่ ออร์เดอร์เข้ามามาก แต่โรงงานเราเดินเครื่อง 100% ตลอดเวลา ต้องขยาย พื้นที่โรงงานเก่าไม่มีที่จะวางเครื่องจักรแล้ว เรื่องเงินเราพร้อม อาจจะใช้กระแสเงินสดที่มี แม้ว่า D/E เราจะต่ำแค่ 0.5 เท่า"นายสาทิศ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทวางแผนตั้งโรงงานฉีดพลาสติกแห่งใหม่ภายในพื้นที่โรงงานเดิมที่มีการเตรียมที่ดินไว้แล้ว โดยคาดว่าเงินลงทุนค่าก่อสร้างราว 40-50 ล้านบาท ส่วนค่าเครื่องจักรเบื้องต้น 15-20 เครื่องลงทุนอีกราว 70-80 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตงานฉีดพลาสติกอีกราว 50% คาดว่าจะแล้วเสร็จราวไตรมาส 1/56

"เราได้เครดิต L/C เครื่องจักร 360 วัน เท่ากับยังไม่ต้องจ่ายเงินเอามาใช้ผลิตสินค้าเพื่อไปจ่ายค่าเครื่องจักร แบงก์ก็อยากให้เรากู้เพราะเปิดวงเงินไว้ให้แล้ว แต่งานนี้ก็คิดว่าจะใช้กระแสเงินสดได้"นายสาทิส กล่าว

พร้อมกันนั้น บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางขยายงานพิมพ์สติ๊กเกอร์ที่มีการเติบโตอย่างมากตามลูกค้าที่เป็นผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค โดยอาจจะสร้างโรงงานใหม่เพื่อเพิ่มเครื่องจักร หรืออาจจะปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเก่าเป็นเครื่องรุ่นใหม่ที่มีความสามารถในการผลิตเพิ่มขึ้น คาดว่าจะได้ข้อสรุปปลายไตรมาส 2/55 หรือต้นไตรมาส 3/55

นายสาทิส กล่าวว่า หากเลือกแนวทางการเปลี่ยนเครื่องจักร ก็อาจจะส่งเครื่องจักรไปยังต่างประเทศ ซึ่งก็มีทางเลือกที่จะขายเครื่องจักรเก่าออกไป หรือไปลงทุนร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อนำเครื่องจักรเก่าไปตั้งโรงงานผลิตในต่างประเทศที่รองรับลูกค้าที่ขยายงานออกไป โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการขยายธุรกิจในเวียดนามและอินโดนีเซีย เบื้องต้นพบว่าทั้งสองประเทศที่มีข้อดีข้อเด่นแตกต่างกัน คาดว่าจะได้ความชัดเจนภายในกลางปีหน้า

"เวียดนาม ถึงค่าแรงจะถูกแต่ก็มีปัญหาเรื่องปัญหาภาษาสื่อสาร ถ้าเราสื่อสารกับคนงานท้องถิ่นไม่ได้ก็ลำบาก แต่อินโดนีเซียมีปัญหาเรื่องการขนส่งค่อนข้างลำบาก และระบบราชการ...ดูๆ แล้วเวียดนามอาจจะมีความเป็นไปได้มากกว่า ไม่เกินกลางปีหน้าคงได้ข้อสรุปชัดเจนว่าจะขายเครื่องจักรไปเลย หรือจะไปลงทุน ซึ่งเราคงต้องหาพันธมิตรท้องถิ่น คงไม่ไปคนเดียว"นายสาทิส กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทก็ได้ตั้งงบลงทุนไว้ราว 150 ล้านบาท ซึ่งจะมีการเพิ่มเครื่องจักรของงานฉีดพลาสติกและงานสติ๊กเกอร์อย่างละครึ่ง

นายสาทิส กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 55 เติบโตมากกว่า 30% หรือแตะ 1 พันล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้ 750 ล้านบาท ส่วนกำไรก็จะเติบโตขึ้นจากปีก่อนมาก เห็นได้จากไตรมาสแรกของปีนี้ที่กำไรเติบโตถึง 148% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดว่าแต่ละไตรมาสน่าจะทำกำไรได้ใกล้เคียงกัน

อนึ่ง SALEE แจ้งผลดำเนินงาน ไตรมาส 1/55 มีกำไรสุทธิ 45.14 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.17 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 18.18 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.07 บาท

บริษัทชี้แจงว่า ไตรมาส 1/55 นี้ มียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 239 ล้านบาท จาก 179 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือเติบโต 34% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการผลิตที่ชะลอไปในไตรมาส 4/54 ที่เกิดสถานการณ์น้ำท่วมรอบโรงงาน ทำให้ไม่สามารถทำการผลิตสินค้าได้ทันตามที่ลูกค้าต้องการ ดังนั้น คำสั่งซื้อที่เคยชะลอไปจึงทยอยเข้ามามากในไตรมาส 1/55 โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมอุปโภคบริโภค ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์

นายสาทิส กล่าวว่า ในช่วงต้นปีนี้ยอดคำสั่งซื้องานฉีดพลาสติกของลูกค้าในกลุ่มยานยนต์เพิ่มสัดส่วนขึ้นมากตามการฟื้นตัวของภาพรวมอุตสาหกรรม โดยขณะนี้สัดส่วนออร์เดอร์ของกลุ่มดังกล่าวเพิ่มขึ้นมาเป็น 30-40% จากเดิมอยู่ที่ราวไม่ถึง 5% ซึ่งลูกค้าหลักเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ที่ป้อนให้กับผุ้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ โดยเฉพาะฮอนด้า และยังมีแนวโน้มงานที่จะมีมากขึ้น เนื่องจากค่ายรถหลายแห่งจะมีการออกรถรุ่นใหม่ รวมถึงอีโคคาร์

"ตอนนี้ที่เราผลิตหลัก ๆ ก็เป็นพวกส่วนประกอบพลาสติกของไฟหน้า แผงประตู แต่เราเป็น second tier ของ STANLY และผู้ผลิตอีกหลายเจ้าที่ทำส่งให้กับรถค่ายญี่ปุ่น ตอนนี้ก็กำลังคุยงานกันอีกกว่า 10 mole น่าจะสรุปสิ้นเดือนนี้"นายสาทิส กล่าว

ส่วนผลประกอบการในไตรมาส 2/55 อาจจะออกมาใกล้เคียงกับไตรมาส 1/55 ที่ถือว่าทำกำไรได้ค่อนข้างดี แต่เนื่องจากไตรมาส 2 มีวันหยุดค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในเดือนเม.ย. ซึ่งเดือน พ.ค.ก็เริ่มเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นแล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ