ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 315,282 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 14, 2012 17:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (8 - 11 พฤษภาคม 2555) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวม 315,282 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 78,820 ล้านบาท ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ประมาณ 29% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 83% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 262,662 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 39,426 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 3,426 ล้านบาท หรือคิดเป็น 13% และ 1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB15DA (อายุ 3.6 ปี), LB155A (อายุ 3 ปี) และ LB176A (อายุ 5.1 ปี) มีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 8,474 ล้านบาท 7,205 ล้านบาท และ 5,991 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB12529A (อายุ 14 วัน), CB12607C (อายุ 28 วัน) และ CB12809B (อายุ 91 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 67,504 ล้านบาท 32,247 ล้านบาท และ 31,056 ล้านบาท ตามลำดับ

ทางด้านหุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกนั้น ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) (TUF167A (A+)) มูลค่าการซื้อขาย 408 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) (GLOW194A (A)) มูลค่าการซื้อขาย 306 ล้านบาท และ หุ้นกู้ของบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) (SCCC136A (A)) มูลค่าการซื้อขาย 284 ล้านบาท

เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield Curve) ปรับตัวอยู่ในกรอบแคบๆ หรือโดยเฉลี่ยแล้วปรับตัวเพิ่มขึ้น / ลดลงในช่วง -3 ถึง +5 Basis Point (100 Basis point มีค่าเท่ากับ 1%) โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรในช่วงระหว่างอายุ 1 เดือน ถึง 1 ปี ปรับตัวลดลงในช่วง — 1 ถึง -3 Basis Point ตามทิศทางของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (US Treasury) ที่ปรับตัวดลง เนื่องจากความผันผวนในตลาดยุโรป ทำให้นักลงทุนลดความเสี่ยงโดยการเข้าซื้อตราสารหนี้ระยะสั้นแทนระยะยาวมากขึ้น ในขณะที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุตั้งแต่ 3 ปี ถึง 15 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง +1 ถึง +5 Basis Point ตามแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศ จากความกังวลปัญหาหนี้ยุโรป รวมไปถึงปัญหาทางการเมืองของประเทศกรีซและฝรั่งเศส โดยเฉพาะประเทศกรีซที่ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้

โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ความวุ่นวายในกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) ได้กลายมาเป็นประเด็นที่สร้างความกังวลให้ตลาดอีกครั้ง หลังจากที่ Troika ซึ่งประกอบด้วยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และสหภาพยุโรป (EC) ได้ประกาศยกเลิกแผนการณ์ที่จะเข้าหารือกับประเทศกรีซ อันเนื่องมาจากปัญหาทางการเมืองที่ยังไม่ลงตัว (กรีซเพิ่งเสร็จสิ้นการเลือกตั้งภายในประเทศ แต่ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้) ในขณะเดียวกันกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ยังได้ตัดสินใจปรับลดจำนวนเงินช่วยเหลือแก่กรีซลงจาก 5.2 พันล้านยูโร เป็น 4.2 พันล้านยูโร อันเนื่องมาจากปัญหาทางการเมืองภายในประเทศกรีซเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้ไทยกว่า 2,278 ล้านบาท และในมูลค่าการขายสุทธิทั้งหมดนี้ เป็นการขายสุทธิในตราสารระยะยาว (มีอายุคงเหลือมากกว่า 1 ปี) ประมาณ 1,284 ล้านบาท สำหรับนักลงทุนรายย่อยที่ถึงแม้จะมีมูลค่าการซื้อขายค่อนข้างน้อย แต่ยังคงมียอดซื้อสุทธิอีก 802 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ