ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าร่วงลง 90 จุด หรือ 0.7% แตะที่ 12,698 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดิ่งลง 0.8% แตะที่ 1,339.1 จุด ณ เวลา 0.733 น.ตามเวลานิวยอร์กในวันนี้ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความยืดเยื้อในการจัดตั้งรัฐบาลผสมของกรีซ และกระแสคาดการณ์ที่ว่ากรีซอาจจะต้องออกจากกลุ่มยูโรโซน
กรีซมีแนวโน้มว่าจะต้องจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ เมื่อนายโฟติส คูเวลิส ผู้นำพรรค Democratic Left ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายซ้ายในกรีซ ระบุว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคที่สนับสนุนมาตรการรัดเข็มขัดและการรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ
ทั้งนี้ ปธน.ปาปูลิอาสได้เชิญผู้นำจาก 4 พรรคการเมืองเข้าร่วมการหารือต่อไปในการจัดตั้งรัฐบาลในวันนี้ โดยทั้ง 4 พรรคได้แก่ พรรค New Democracy, Syriza, Pasok และ Democratic Left
ก่อนหน้านี้ไม่นาน นายอเล็กซิส ซิปราส ผู้นำพรรค Syriza ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายซ้ายของกรีซ ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการหารือจัดตั้งรัฐบาลผสมที่จะมีขึ้นในวันนี้ ตามเวลายุโรปตามคำเชิญของประธานาธิบดีคาโรลอส ปาปูลิอาส
หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ร่วงลง 1.4% หลังฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับเครดิตระยะยาวของเจพีมอร์แกน เชส สู่ระดับ A+ จาก AA- โดยระบุถึงความเสี่ยงด้านชื่อเสียงและความบกพร่องในการกำกับดูแลความเสี่ยง หลังจากที่ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐได้ออกมาเปิดเผยว่า ธนาคารขาดทุนจากการทำธุรกิจเทรดดิ้งเป็นจำนวนสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะที่หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 2.3% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 1.2%
ส่วนหุ้นยาฮู อิงค์ ร่วงลง 2.3% หลังจากมีรายงานว่านายสก็อต ธอมป์สัน ประกาศลาออกจากตำแหน่งซีอีโอ
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรปได้บดบังปัจจัยลบจากข่าวที่ว่า ธนาคารกลางจีนประกาศว่าจะลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 0.5% ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค.นี้เป็นต้นไป โดยการปรับลดสัดส่วนการกันสำรองแบงก์พาณิชย์ครั้งล่าสุดนี้ นับเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้สัดส่วน RRR ของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ของจีนลดลงมาอยู่ที่ระดับ 20% ขณะที่สถาบันการเงินขนาดกลางถึงขนาดเล็กจะอยู่ที่ระดับ 16.5%