ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนักหลังจากเปิดทำการได้ไม่นานในวันนี้ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูโรซน ผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ และราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 125.48 จุด หรือ 0.98% แตะที่ 12,695.12 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 13.65 จุด หรือ 1% แตะที่ 1,339.93 จุด ดัชนี Nasdaq 21.87 จุด หรือ 0.75% แตะที่ 2,911.94 จุด
หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงกว่า 1% หลังจากเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐยอมรับว่า ธนาคารขาดทุนอย่างไม่คาดคิดจากการทำธุรกิจเทรดดิ้งเป็นวงเงินทั้งสิ้น 2 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากการเก็งกำไรที่ผิดพลาดในตราสารอนุพันธ์ของ Chief Investment Office ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านบริหารความเสี่ยงของเจพี มอร์แกน
ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับเครดิตระยะยาวของเจพีมอร์แกน เชส สู่ระดับ A+ จาก AA- โดยระบุถึงความเสี่ยงด้านชื่อเสียงและความบกพร่องในการกำกับดูแลความเสี่ยง หลังจากที่ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐได้ออกมาเปิดเผยเรื่องการขาดทุนดังกล่าว
ส่วนสถานการณ์ในยุโรปนั้น ล่าสุดมีรายงานว่า คณะกรรมาธิการยุโรปคาดหวังว่า กรีซจะยังคงเป็นสมาชิกยูโรโซนต่อไป แต่กรีซเองก็จำต้องดำเนินการตามพันธกรณีของยูโรโซน ขณะที่นักลงทุนวิตกกังวลว่า สถานการณ์การเมืองที่ผันผวนของกรีซอาจจะส่งผลกระทบต่อศักยภาพในการบังคับใช้มาตรการรัดเข็มขัด และจะทำให้สถานการณ์ในยูโรโซนย่ำแย่ลงอีก
หุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 1.7% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วง 2% และหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 3.6%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย., กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนเม.ย., สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) จะเปิดเผยดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนพ.ค. และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค.