นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยคม (THCOM) คาดว่า กำไรในไตรมาส 2/55 จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก ไตรมาส 1/55 ที่มีกำไรสุทธิ 42.37 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรจากการดำเนินงาน 83 ล้านบาท และในช่วงครึ่งปีหลังผลประกอบการทั้งรายได้และกำไรจะดีกว่าในครึ่งปีแรก ดังนั้น คาดว่าทั้งปี 55 บริษัทน่าจะทำกำไรจากการดำเนินงานได้ใกล้เคียงที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ที่ประมาณ 400 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าจะมีรายการพิเศษที่กระทบต่อผลกำไรสุทธิบ้าง
ขณะเดียวกันบริษัทก็ปรับเป้าหมายรายได้ในปี 55 เพิ่มขึ้นเป็นเติบโต 10-15% จากปีก่อน 7.5 พันล้านบาท และคาดว่ารายได้ในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มไปได้ถึง 1 หมื่นล้านบาท จากดาวเทียมไทยคม 6 และ ไทยคม 7 ที่ใช้งานเต็ม 100%
เนื่องจากเชื่อว่าการเช่าใช้ช่องสัญญาณ(Bandwidth) ของไอพีสตาร์ หรือไทยคม 4 จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากที่ได้ลูกค้าญี่ปุ่น เพิ่มเข้ามาแล้วเมื่อไตรมาสแรก และสามารถขยายการทำตลาดได้ประเทศจีน และอินเดียได้เพิ่มขึ้น นอกเหนือจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ และบริษัทกำลังขยายตลาดไปที่อินโดนีเซียและ ฟิลิปปินส์ ทำให้คาดว่าปลายปีนี้ไอพีสตาร์จะมี Utilization rate อยู่ที่ระดับ 32% จากต้นปีอยู่ที่ 25% ดังนั้น จะถึงจุดคุ้มทุนในปีนี้ โดยระดับคุ้มทุนอยู่ที่ 28%
"ผลกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสแรกเราได้ 83 ล้านบาท ไตรมาส 2 กำไรจะดีกว่าไตรมาส 1 และเรารจะจ่ายเงินปันผลแน่นอน ตามนโยบาย 40% ของกำไรจากผลการดำเนินงาน เราจะจ่ายปันผลระหว่างกาลหลังงบไตรมาส 2 ออกมา...นานมากแล้วที่เราไม่ได้จ่ายเงินปันผล" นางศุภจีกล่าว
นางศุภจี กล่าวว่า ในเดือน พ.ย.55 บริษัทมีกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ จำนวน 3.3 พันล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีเงินเพียงพอ โดยมีกระแสเงินสดอยู่จำนวน 3,581 ล้านบาท และในเดือน พ.ย.57 จะครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้อีกครั้งจำนวน 3.7 พันล้านบาท ทั้งนี้ หุ้นกู้ดังกล่าวทำให้บริษัทมีภาระดอกเบี้ยประมาณปีละ 300 ล้านบาท อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน 0.7 เท่า
จากการใช้เงินลงทุนจำนวนมากในการลงทุนดาวเทียมอย่างไอพีสตาร์ ทำให้บริษัทได้ปรับวิธีการลงทุนใหม่ โดยจะไม่ลงทุนเองทั้งหมด หรือลงทุนครั้งเดียว เพราะกว่าจะคืนทุนต้องใช้ระยะเวลานาน และทำให้บริษัทมีภาระดอกเบี้ยสูง ดังนั้น ตั้งดาวเทียมไทยคม 7 บริษัทได้เปลี่ยนวิธีการลงทุนมาร่วมมือกับพันธมิตร คือ บริษัท Asia Satellite Telecommunications จำกัด โดย Asia Satellite เป็นผุ้ลงทุนหลังจาก THCOM จะเช่ากลับมาขายช่องสัญญาณ เป็นระยะเวลา 15 ปี โดยทยอยจ่ายค่าเช่าเป็นรายปี ทำให้บริษัทไม่ต้องรับภาระด้านการเงินมาก
ทั้งนี้ ไทยคม 7 มีกำหนดส่งขึ้นวงโคจรที่ 120 องศาตะวันออกในต้นปี 57
บริษัทจะนำวิธีการลงทุนดังกล่าวมาใช้กับการสร้างดาวเทียมไทยคม 9 ที่วงโคจร 50.5 องศาตะวันออกด้วย ซึ่งระหว่างนี้อยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรใหม่ และคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือน พ.ค.นี้ ขณะเดียวกันได้ยื่นขอใบอนุญาตในการดำเนินการกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที)ไว้แล้ว และคาดว่าจะได้รับอนุญาตภายในเดือน พ.ค.นี้เช่นกัน โดยมีกำหนหยิงขึ้นวงโคจรในปี 59 โดยดาวเทียมไทยคม 9 จะเปิดตลาดใหม่ให้กับบริษัท ในประเทศตะวันออกกลาง ยุโรปตะวันออก จนถึงอินเดีย
สำหรับดาวเทียมไทยคม 8 หรือ ดาวเทียมไอพีสตาร์ 2 ใช้รองรับงานอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง นางศุภจี กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรที่จะร่วมสร้างเช่นกันและใช้วิธีการลงทุนเช่นเดียวกับไทยคม 7 โดยจะทำขนาดเล็กกว่าไอพีสตาร์ 1 และบริษัทจะเข้าทำการตลาดครึ่งหนึ่งของ Bandwidth ทั้งนี้มีความเป็นไปได้พันธมิตรประเทศที่เข้าเจรจาเป็นผู้ที่ต้องการใช้งานมาก ได้แก่ จีน อินเดีย และคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปี 55 และคาดว่าจะยิงขึ้นสู่วงโคจรในปี 58
ขณะที่ดาวเทียมไทยคม 6 ที่บริษัทลงทุนไป 150 ล้านเหรียญสหรัฐ ระหว่างนี้ทำการตลาดไปได้ 15% ของจำนวน Bandwidth แล้ว และตั้งเป้าจะทำตลาดได้ 30% หรือจุดคุ้มทุนเสียก่อนจะยิงขึ้นสู่วงโคจรที่มีกำหนดการยิงกลางปี 56
นางศุภจี กล่าวว่า การเจรจาขายกิจการ Mfone บริษัทย่อยในกัมพูชายังดำเนินการอยู่ โดยผลขาดทุนจาก Mfone ลดลงเหลือ120 ล้านบาทในไตรมาส 1/55 จากไตรมาสก่อนหน้าขาดทุน 140 ล้านบาท ซึ่งบริษัทพยายามบริหารจัดการ ขณะเดียวกัน บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส (ADVANC) แสดงความสนใจเข้าซื้อกิจการ Mfone และบริษัทมือถือในลาวด้วย รวมทั้งเปิดที่พม่าด้วย เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)