บมจ.เดลต้า อีเลคโทรอนิคส์ (ประเทศไทย)(DELTA) คาดว่าบริษัทจะสามารถทำกำไรในปี 55 สูงขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไร 2.8 พันล้านบาท จากยอดขายที่คาดว่าจะเติบโตราว 10% จากปีก่อน โดยบริษัทจะหันไปเน้นการขยายตลาดออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแถบอาเซียน เพื่อทดแทนตลาดใหญ่ในอินเดียและยุโรปที่เผชิญปัญหาเศรษฐกิจในขณะนี้
ทั้งนี้จากปัญหาเศรษฐกิจในอินเดีย ทำให้บริษัทตัดสินใจชะลอแผนสร้างโรงงานแห่งที่ 4 ในอินเดียออกไปก่อน แต่ก็คาดว่าจะมีการทบทวนอีกครั้งในช่วงไตรมาส 4/55
นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการบริหาร DELTA เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ากำไรสุทธิปี 55 จะสูงกว่าปีก่อนที่มีกำไรประมาณ 2.8 พันล้านบาท และคาดว่ายอดขายจะเติบโต 10% ตามเป้าหมาย
แม้ว่าตลาดหลักทั้งในยุโรปและอินเดียยอดขายจะชะลอตัวลงจากผลกระทบของเศรษฐกิจ แต่บริษัทได้หันไปเจาะตลาดใหม่ๆในประเทศออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และตลาดอาเซียนแทน ซึ่งขณะนี้ยอดขายก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ บริษัทเน้นมาผลิตสิ้นค้าที่มีอัตรากำไร(มาร์จิ้น)สูงมากขึ้น จึงเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนอัตรากำไรสุทธิปีนี้เพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 10% จากปี 54 อยู่ที่ 7.5% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะทำได้ไม่ต่ำกว่า 25% จากปีก่อนที่ 23.5%
"ตอนนี้งานเทเลคอมในอินเดีย และงานโซล่าเซลล์ในยุโรปยังชะลอตัวจากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจ อย่างอินเดียมีพื้นฐานเศรษฐกิจที่เชื่อมต่อกับยุโรปค่อนข้างมาก เมื่อยุโรปมีปัญหาอินเดียก็มีปัญหาตามไปด้วย คิดว่ายุโรปเศรษฐกิจน่าจะชะลอไปอีกอย่างน้อย 2 ไตรมาส ตอนนี้เราก็เลยหันมาเจาะตลาดใหม่อย่างในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอาเซียน อย่างอินโดฯ ตัวโซลาร์เซลล์ก็น่าจะเติบโตดี...ปีนี้เราก็หันมาผลิตสินค้าที่มีกำไรดี รวมทั้งคัด cut loss สินค้าที่เป็นเทคโนโลยีเก่าๆออกไป"นายอนุสรณ์ กล่าว
ปัจจุบัน กำลังการผลิตของบริษัทเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ หลังจากวัตถุดิบต่างๆ ทยอยกลับเข้ามาในระบบตามปกติแล้ว ทั้งนี้ บริษัทยังสามารถจะปรับเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นได้อีก 20% หากมีคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มเติม
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 4/55 คาดจะได้ข้อสรุปเรื่องการเปิดโรงงานแห่งที่ 4 ในประเทศอินเดีย หลังจากขณะนี้ชะลอแผนงานออกไปก่อน เนื่องจากเศรษฐกิจขของอินเดียอยู๋ในภาวะชะลอตัว ส่วนแผนซื้อกิจการที่เกี่ยวข้องหรือกิจการที่เชื่อมโยงกับบริษัทนั้น ขณะนี้ไม่ได้เร่งรีบ ขอรอโอกาสและข้อเสนอที่เหมาะสมก่อน
"การซื้อกิจการเราไม่ได้เร่งรีบ ก็รอให้เขาเป็นฝ่ายเสนอเข้ามา เราก็จะพิจารณาดูในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเรา ถ้าเป็นกิจการสัก 100 ล้านเหรียญฯ เราก็พร้อม ไม่มีปัญหาทางการเงินอะไร ขณะนี้เราก็มีเงินสดในมือประมาณ 9 พันล้านบาท"นายอนุสรณ์ กล่าว