ส่วนการดำเนินการติดตั้งสถานีโครงการ 3G ของทีโอที มูลค่าโครงการ 1.6 หมื่นล้านบาทนั้น บริษัทได้รับการขยายเวลาออกไปอีก 6 เดือนจากวันที่ครบสัญญาในวันที่ 19 พ.ค. 55 เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมทำให้ไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ และทีโอทีไม่สามารถส่งสถานีฐานเพื่อให้ติดตั้งเป็นสถานีร่วม(co-site) ได้
ปัจจุบัน บริษัทติดตั้งได้เพียง 1,700 สถานีฐาน โดยเป็น co-size 400-500 แห่ง จากทั้งหมดเป็น co-size จำนวน 2,000 แห่งของจำนวนทั้งหมด 5,000 สถานีฐาน ซึ่งต้องใช้ร่วมกับสถานีของบมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) กับ บมจ.กสท โทรคมนาคม ทั้งนี้ คาดว่าในเดือน มิ.ย.จะติดตั้งได้เพิ่มเป็น 3,000 สถานีฐาน และติดตั้งครบ 5,000 แห่งในไตรมาส 4/55
ด้านนายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART) คาดว่า โครงการขยายเครือข่าย 3G เฟส 2 ของทีโอที มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาทน่าจะเปิดประมูลในไตรมาส 4/55 จำนวน 7-8 พันสถานีฐาน เนื่องจากเชื่อว่าทีโอทีคงไม่หยุดขยายงาน 3G ซึ่งเป็นอนาคตของทีโอทีเอง และเฟสแรกที่ทำมีเพียง 5 พันสถานีฐานยังไม่ครอบคลุมการให้บริการมากนัก ถ้าจะให้ครอบคลุมและมีคุณภาพดีต้องมี 1-1.2 หมื่นสถานีฐาน
"เรามองว่า 5 พันไซส์ ได้หัวเมืองใหญ่ เชื่อว่าทีโอทีไม่หันหลังกลับไปแล้วเหมือนเมื่อตอนที่ทำ 1900 รัฐมนตรีไอซีทีคงเข้าใจจึงเข้ามากระตุ้น แต่เฟส 1 มีแค่ 5 พันไซส์ เฟส 2 เชื่อว่าต้องเกิด ทีโอทีคงไม่ทำอะไรครึ่งๆกลางๆ ไม่อย่างนั้นจะไม่ประสบความสำเร็จ" นายวัฒน์ชัย กล่าว
นอกจากนี้ คาดว่าในไตรมาส 2 นี้จะได้รับงานโครงการระบบตรวจสอบผู้โดยสารระหว่างประเทศ (APPS) มูลค่า 6 พันล้านบาท รวมทั้งยังมีงานของกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และ กรมที่ดิน
ส่วนการเข้าซื้อกิจการ บริษัท พอร์ทัลเน็ท จำกัด จาก บมจ.เอ็มลิงค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น (MLINK) นายวัฒน์ชัย กล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้จะมีการลงนามสัญญากัน และจะเริ่มรับรู้รายได้ทันทีเดือนละประมาณ 50 ล้านบาท จากโครงการให้บริการระบบ SAP/ERP ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นระยะเวลา 5 ปี มูลค่า 3,192 ล้านบาท และหากได้ต่อสัญญาอีก 3 ปี โครงการนี้จะมีมูลค่ามากกว่า 5 พันล้านบาท
รวมถึงมองช่องทางทำธุรกิจเกี่ยวข้อง ดิจิตอลทีวี ซึ่งในครึ่งปีหลังจะมีการทดลองออกอากาศ บริษัทมีโอกาสขายอุปกรณ์แปลงสัญญาณเป็นดิจิตอลได้ เพราะเคยขายเสาอากาศโทรทัศน์มาก่อน
นอกจากนี้ นายวัฒนชัย กล่าวว่า บริษัทได้ยื่น proposal ต่อรัฐบาลลาวที่เข้าไปทำธุรกิจควบคุมจราจรทางอากาศในสปป.ลาว ซึ่งคาดว่าเร็วๆนี้จะทราบผล รวมทั้งศึกษาโอกาสเข้าไปทำธุรกิจในพม่า ทั้งธุรกิจควบคุมจราจรทางอากาศ ธุรกิจไอที ธุรกิจขายมือถือ
ทั้งนี้ นายวัฒน์ชัย คงเป้าหมายรายได้ของ SAMART ในปีนี้ที่ 2.7 หมื่นล้านบาท