ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กกรีซคว้าน้ำเหลวตั้งรบ.ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 63.35 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 16, 2012 06:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (15 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศกรีซ หลังจากมีรายงานว่ากรีซประสบความล้มเหลวในการเจรจาจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งข่าวดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากข้อมูลที่แข็งแกร่งด้านอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐและข้อมูลเศรษฐกิจของเยอรมนี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 63.35 จุด หรือ 0.50% ปิดที่ 12,632 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 7.69 จุด หรือ 0.57% ปิดที่ 1,330.66 จุด ดัชนี Nasdaq Composite ลดลง 8.82 จุด หรือ 0.30% ปิดที่ 2,893.76 จุด

ในช่วงแรกนั้นตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากมีรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกปีนี้ ขยายตัวอย่างเหนือความคาดหมายที่ 0.5% และดีกว่าไตรมาส 4 ปีที่แล้วที่หดตัวลง 0.2% เพราะได้แรงหนุนจากยอดส่งออกที่ขยายตัวแข็งแกร่ง นอกจากนี้ เยอรมนียังได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงกฎหมายแรงงานของประเทศ ซึ่งทำให้ต้นทุนทางธุรกิจลดลง

แต่หลังจากนั้นตลาดก็อ่อนแรงลง ภายหลังจากมีรายงานว่า การเจรจารอบสุดท้ายเพื่อหาทางจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ของกรีซเมื่อวานนี้ ประสบความล้มเหลว ภายหลังจากที่กรีซได้จัดการเลือกตั้งไปเมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้กรีซเตรียมจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ในเดือนมิ.ย. ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าการเลือกตั้งครั้งที่ 2 ของกรีซมีแนวโน้มว่า จะทำให้เกิดภาวะผันผวนทางการเมืองต่อไปอีก และโพลล์ชี้ว่า พรรค Syriza ซึ่งต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัด จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักงานสถิติของสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของยูโรโซนในไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัวที่ระดับ 0% เมื่อเทียบทั้งรายไตรมาสและรายปี หรือหมายความว่าเศรษฐกิจไม่มีการขยายตัวในช่วงดังกล่าว ขณะเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป (อียู) ในไตรมาสแรกปีนี้ ขยายตัว 0% เช่นกันเมื่อเทียบรายไตรมาส

ความผันผวนทางการเมืองของกรีซและภาวะชงักงันทางเศรษฐกิจของยูโรได้ส่งผลบดบังปัจจัยบวกข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของเยอรมนี และยังบดบังปัจจัยบวกจากรายงานของสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐที่ระบุว่า ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนพ.ค.พุ่งแตะระดับ 29 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี จากระดับ 24 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นตัวเลขที่มีการปรับทบทวนแล้ว

ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานและวัสดุร่วงลง 1.5% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวลง 0.6% โดยหุ้นโฮมดีโปท์ หุ้นฮิวเล็ตต์-แพคการ์ด และหุ้นอัลโค อิงค์ ร่วงลงกว่า 2.3%

หุ้นเจพีมอร์แกน ดีดตัวขึ้น 1.3% หลังจากที่ร่วงลงไปถึง 12% ในการซื้อขายเมื่อ 2 วันก่อน ภายหลังจากเจพีมอร์แกนยอมรับว่า ธนาคารขาดทุนอย่างไม่คาดคิดจากการทำธุรกิจเทรดดิ้งเป็นวงเงินทั้งสิ้น 2 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา

นักลงทุนจับตาดุข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนเม.ย. , ธนาคารกลางสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิตเดือนเม.ย. ส่วนวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดจะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนเม.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ