นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA)เปิดเผยว่า บริษัทร่วมมือกับโรงงานอุตสาหกรรม และกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม(METI) ประเทศญี่ปุ่น จัดตั้งศูนย์บริการการจัดการของเสีย(Waste Management Center) เพื่อให้คำแนะนำในการบริหารจัดการของเสียภายในโรงงาน การจัดการของเสียอย่างเป็นระบบและได้มาตรฐานไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการคัดเลือกผู้ประกอบการที่รับจัดการของเสีย และการดำเนินงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้คำแนะนำกับโรงงานในนิคมฯอมตะนคร
“นิคมฯอมตะยังมุ่งมั่นในการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร โดยมุ่งให้เกิดการจัดการของเสียอย่างถูกวิธี การหมุนเวียนทรัพยากร และการลดคาร์บอน จึงได้มีการจัดตั้งศูนย์บริการการจัดการของเสียในลักษณะ One-Stop-Service Center โดยนำร่องให้คำแนะนำกับโรงงานในนิคมฯอมตะ 18 แห่ง และในอนาคตจะครอบคลุมโรงงานทั้งหมดในพื้นที่นิคมฯอมตะ"นายวิบูลย์ กล่าว
ความร่วมมือในครั้งนี้ ทาง METI ได้จัดส่งผู้เชี่ยวชาญด้านกากอุตสาหกรรมมาฝึกอบรมให้กับเจ้าหน้าที่ของบริษัทถึงขั้นตอนการปฏิบัติการ การเก็บรวบรวมและขนส่งกากอุตสาหกรรม ระบบการทำงาน อุปกรณ์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการกากอุตสาหกรรม พร้อมกันนี้บริษัทได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ไปศึกษาดูงาน ณ โรงงานจัดการกากอุตสาหกรรม ณ ประเทศญี่ปุ่น
สำหรับแผนการพัฒนาอมตะสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ปัจจุบันมีความก้าวหน้าไปมาก และมีขั้นตอนการดำเนนิงานที่เป็นไปตามกรอบของการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ที่ตระหนักให้ภาคอุตสาหกรรมมีการสร้างความสมดุลร่วมกันระหว่างภาคอุตสาหกรรม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ตามข้อกำหนดหรือตัวชี้วัดของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.)ที่มี 5 มิติ 22 ด้าน1.มิติกายภาพ 2.มิติเศรษฐกิจ 3.มิติสิ่งแวดล้อม 4.มิติสังคม 5.มิติบริหารจัดการ และ 22 ด้าน อาทิ การวางผังที่ตั้งและการจัดพื้นที่ การออกแบบอาคารและบริเวณโดยรอบ เศรษฐกิจของภาคอุตสาหกรรม เศรษฐกิจของท้องถิ่น เศรษฐกิจของชุมชน การตลาด การขนส่ง การจัดการด้านความปลอดภัยและสุขภาพ และการเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมเป็นต้น
อย่างไรก็ดี บริษัทฯเตรียมปรับเป้ารายได้ใหม่ในปี 2555 โดยคาดว่าจะทำรายได้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 6,000-7,000 ล้านบาท โดยมียอดขายที่ดินไม่ต่ำกว่า 3,000 ไร่ จากยอดขายที่ดินในปีที่ผ่านมา 1,500 ไร่ เพื่อสะท้อนถึงกรณีที่นักลงทุนสนใจเข้ามาใช้พื้นที่ของนิคมฯของ AMATA มากขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทได้เข้าร่วมโรดโชว์ดึงดูดการลงทุนกับรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา ทั้งในจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ซึ่งสามารถดึงดูดการลงทุนเข้ามาได้เพิ่มมากขึ้น