หุ้น APURE พุ่งชนซิลลิ่ง 29.21% ล่าสุดมาอยู่ที่ 1.15 บาท เพิ่มขึ้น 0.26 บาท มูลค่าซื้อขาย 175.93 ล้านบาท เมื่อเวลา 15.53 น. โดยเปิดตลาดที่ 0.90 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1.15 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 0.90 บาท
น.ส.ธิติญา เมืองเหลือ เลขานุการบริษัท บมจ. อกริเพียว โฮลดิ้งส์ (APURE) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ราคาหุ้น APURE ปรับตัวขึ้นชนซิลลิ่ง ด้วยวอลุ่มเทรดที่เข้ามาอย่างหนาแน่น คาดว่าจะเป็นการขึ้นมาตอบรับผลประกอบการงวดไตรมาส 1/55 ที่ออกมาดี สามารถพลิกเป็นกำไรได้ ทั้งนี้ เป็นผลจากยอดขายที่ดีขึ้น
APURE และบริษัทย่อย ประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 1/55 มีกำไรสุทธิ 28.71 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.05 บาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 15.4 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.03 บาท โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นมาจากการบริษัทจำหน่ายสินค้าที่มีอัตรากำไรเพิ่มขึ้น และเพิ่มสัดส่วนการขายไปยังต่างประเทศ ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนลง รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร
น.ส.ธิติญา กล่าวต่อว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทฯคาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง จากการส่งออกข้างโพดและผักสดไปยังตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันบริษัทฯได้ส่งออกไปญี่ปุ่น 70% และส่งออกไปประเทศในแถบเอเชีย อาทิ จีน ไต้หวันและตะวันออกกลางรวมประมาณ 20% ส่วนที่เหลือ 10% ขายในประเทศ
หลังจากนี้บริษัทจะเน้นทำการตลาดเพิ่มขึ้นนอกเหนือจากตลาดหลักในญี่ปุ่น และอยู่ระหว่างการทำแผนธุรกิจเพื่อรองรับ AEC โดยจะแข่งขันอย่างไรใน 3 ปีข้างหน้า แต่คงต้องมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเพื่อสร้างตลาด อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงทำธุรกิจหลักเกี่ยวเนื่องกับอาหาร
"การที่ยอดขายของบริษัทฯดีขึ้นเป็นผลจากที่ลูกค้าเก่าจากญี่ปุ่นได้กลับมาซื้อ และเราก็ได้ไปเปิดตลาดตะวันออกกลางเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ยอดขายของบริษัทฯเพิ่มขึ้น และตอนนี้ออเดอร์มีเข้ามามาก เพียงแต่ยังกังวลในเรื่องของวัตถุดิบที่ยังไม่มีเพียงพอที่จะส่งให้ลูกค้า"น.ส.ธิติญา กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีแผนจะเปิดตลาดส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ในยุโรปด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจา เนื่องจากยังติดปัญหาภาษี 12% ที่ทำให้ต้นทุนสินค้าสูงขึ้น ซึ่งลูกค้าอาจจะสู้ไม่ไหว ดังนั้น จึงต้องเจรจาเรื่องภาษีให้สำเร็จก่อน
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/55 บริษัทยังคาดว่าจะรักษาระดับกำไรสุทธิที่ใกล้เคียงไตรมาส 1/55 ที่ 44 ล้านบาท ซึ่งหากบริษัทสามารถลดต้นทุนในเรื่องค่าใช้จ่ายและบริหารได้ต่อเนื่องก็จะทำให้กำไรทั้งปีออกมาดีมากทั้งจากการลดต้นทุนและยอดขายที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่นายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ถือหุ้นใหญ่ APURE อันดับ 2 ในสัดส่วน 19.81% กล่าวว่า ยังคงจะถือลงทุนในหุ้นตัวนี้ต่อไปหลังจากที่ได้ถือมาเป็นเวลานานแล้ว และยังไม่มีแผนจะทำอะไรกับหุ้น APURE ขณะที่ปัจจุบันผลประกอบการออกมาดีด้วย
"โดยส่วนตัวไม่แน่ใจว่าหุ้นขึ้นมาเพราะอะไร แต่หุ้นนี้ถือมานานมากแล้ว ธุรกิจอาหารก็กำลังดี ผลประกอบการก็โอเค"นายโกมล กล่าว