(เพิ่มเติม1) BCP คาดค่าการกลั่น Q2/55 อยู่ที่ 6-7เหรียญฯ,ขยายธุรกิจใหม่เพิ่มรายได้

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 17, 2012 14:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) คาดในไตรมาส 2/55 ค่าการกลั่นไม่รวมสต๊อคจะอยู่ที่ 6-7 เหรียญสรอ./บาร์เรล และมองแนวโน้มราคาคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย ในช่วงครึ่งปีหลังอยู่ที่ 105-112 เหรียญฯ หลังปัญหากรีซคลี่คลาย ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศปรับตัวลดลง ขณะที่คาดว่าธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์จะมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา(EBITDA) ปี 57 จะเพิ่มขึ้นไปที่ 2,800 ล้านบาท

พร้อมวางงบลงทุนช่วง 3 ปี (55-57) จำนวน 2.6 หมื่นล้านบาท เน้นใช้ลงทุนโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ และ โครงการ 3E ที่เพิ่มประสิทธิภาพการกลั่น ขณะเดียวกันวางแผนลงทุนต่อเนื่องในอีก 5 ปีข้างหน้า (58-62) อีกจำนวน 6.15 หมื่นล้านบาท ยังคงเน้นลงทุนโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์อีก 380 เมกะวัตต์ และธุรกิจใหม่ ราว 5 หมื่นล้านบาท

นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ BCP คาด ในปี 55 บริษัทมีกำไรก่อนหักภาษีดอกเบี้ยค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ที่ระดับ 7 พันล้านบาท (ไม่รวมสต็อก) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มี 6 พันล้านบาท (ไม่รวมสต็อก) และประเมินว่าในปี 57 EBITDA จะมีจำนวนใกล้เคียงระดับ 1 หมื่นล้านบาท และจะเพิ่มเป็น 2 หมื่นล้านบาทในปี 63

ส่วนหนึ่งบริษัทมี EBITDA จากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ที่ปีนี้เข้ามา 400 ล้านบาท ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,500 ล้านบาทในปี 56 และในปี 57 เพิ่มเป็น 2,800 ล้านบาท หลังจากทั้ง 3 เฟสเดินเครื่องแล้วเสร็จ ซึ่งจะทำให้มีกำลังติดตั้งรวม 170 เมกะวัตต์

นายอนุสรณ์ คาดว่าค่าการกลั่น(ไม่รวมสต๊อก)ในไตรมาส 2/55 น่าจะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 6-7 เหรียญ/บาร์เรล จาก 6.7 เหรียญ/บาร์เรลในไตรมาส 1/55 เพราะราคาน้ำมันปรับตัวลง โดยในช่วงไตรมาส 2 นี้จะหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นประจำปีตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.-23 มิ.ย.55 เพื่อเปลี่ยนตัวเร่งปฏิกริยาและเพิ่มประสิทธิภาพการกลั่น ส่งผลให้กำลังกลั่นเฉลี่ยไตรมาส 2/55 ลดลงอยุ่ที่ 73,000 บาร์เรล/วันและเมื่อซ่อมบำรุงเสร็จจะเพิ่มกำลังการกลั่นเป็น 110,000 บาร์เรล/วัน ทำให้กำลังการกลั่นเฉลี่ยในปี 55 อยู่ระดับ 98,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 12,000 บาร์เรล/วันจากปีก่อน ที่มีกำลังกลั่น 86,000 บาร์เรล/วัน

อย่างไรก็ตาม คาดว่าในไตรมาส 2/55 จะมีขาดทุนจากสต็อกน้ำมันประมาณ 10 เหรียญ/บาร์เรล แต่ยังไม่ค่อยกังวลมากนัก เพราะคาดว่าในไตรมาส 4 ราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้น จากเข้าสู่ฤดูหนาว โดยหากสิ้นปีนี้ราคาน้ำมันดิบดูไบสูงกว่า 106 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นราคาปิด ณ สิ้น ธ.ค. 54 ทั้งปีก็จะไม่กระทบจนถึงขาดทุนสต๊อกน้ำมัน ประกอบกับบริษัทได้บริหารความเสี่ยงทำเฮดจิ้งน้ำมันดิบ และ ผลิตภัณฑ์น้ำมัน ที่ระดับ 30%

"เรายังไม่ค่อยกังวลใจเรื่องขาดทุนสต็อกในไตรมาส 2 เพราะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง ...อาจมีผลกระทบสต็อกน้ำมันบ้าง แต่เรามีรายการพิเศษจะเข้มช่วยผลประกอบการในไตรมาส 2" นายอนุสรณ์ กล่าว

ทั้งนี้ ช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบจะอยู่เฉลี่ย 105-112 เหรียญ/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ มีแนวโน้มปรับตัวลดลงระยะสั้น โดยครึ่งปีหลังคาดราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ระดับ 29-32 บาท/ลิตร และราคาแก๊สโซฮออล์จะอยู่ระดับ 35-37 บาท/ลิตร อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่ต้องจับตามองปัญหาการเมืองที่ไม่แน่นอนของกรีซ ปัญหาเศรษฐกิจในยูโรโซน สหรัฐอเมริกา และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนด้วย

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า บริษัทได้ตั้งงบลงทุนในช่วง 3 ปี( ปี 55-57) จำนวน 2.6 หมื่นล้านบาท นำไปใช้ลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ 1.5 หมื่นล้านบาท โครงการ Efficiency ,Energy and Environment improvement Project (3E) ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพ ลดการใช้พลังงาน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งสู่โรงกลั่น 5 ดาว จะใช้งบ 4 พันล้านบาท คาดว่าจะเสร็จในปี 58 และเพิ่มค่าการกลั่นได้อีก 1-2 เหรียญ/บาร์เรล

นอกจากนี้จะมีงบประจำปี 6 พันล้านบาท และ โครงการไบโอฟูเอล และโครงการปลูกปาล์มและมันสำปะหลัง อีก 1 พันล้านบาท ทั้งนี้ การลงทุนดังกล่าวมีอัตราผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 15% โดยโครงการ 3E มีระยะเวลาคืนทุนเพียง 3 ปี

นอกจากนี้ บริษัทได้วางแผนลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 58-62 อีกจำนวน 6.15 หมื่นล้านบาท ใช้เป็นงบประจำปี 7.5 พันล้านบาท งบลงทุนโครงการ 3E ต่อเนื่องอีก 4 พันล้านบาท และ วงเงินอีก 5 หมื่นล้านบาทจะใช้ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 380 เมกะวัตต์ รวมทั้งธุรกิจใหม่ อาจเป็นธุรกิจอาหาร หรือธุรกิจอื่น ที่สร้างรายได้ประจำให้บริษัท ทั้งนี้บริษัทจะควบคุมค่าใช้จ่ายและอัตราหนี้สินต่อทุนไม่ให้เกิน 1 เท่าโดยปัจจุบันอยู่ที่ 0.7 เท่า ขณะเดียวกันบริษัทมีกระแสเงินสดปัจจุบันไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาท

ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ที่อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา กำลังผลิต 44 เมกะวัตต์ จะกลับมาผลิตได้ในเดือนก.ค.หลังได้รับผลกระทบน้ำท่วม, โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ เฟส 2 ที่ชัยภูมิ กำลังผลิต 50 เมกะวัตต์ คาดแล้วเสร็จ ในเดือน ธ.ค. 55 และ ที่อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา กำลังผลิต 75 เมกะวัตต์ คาดแล้วเสร็จในไตรมาส1/56 สำหรับเฟส 3 กำลังผลิต 75 เมกะวัตต์ จะอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ระหว่างเตรียมจัดหารผู้รับเหมาก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 57

ในปลายปีนี้ บริษัทเตรียมจะออกหุ้นกู้ จำนวน 3 พันล้านบาท อายุ 7-10 ปี จะนำไปใช้ลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์และ โครงการ 3E โดยเมื่อเม.ย.ที่ผ่านมาบริษัทได้ออกขายหุ้นกู้ 3 พันล้านบาทแล้วมียอดจอง 2 เท่า

นายอนุสรณ์ กล่าววา บริษัทมีแผนจะกระจายรายได้และกำไรจากธุรกิจโรงกลั่น ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีความผันผวนสูง จึงตั้งเป้าหมายจะลดสัดส่วน EBITDA ของโรงกลั่นมาที่ระดับ 50%ในปี 58 และลดลงเหลือ 35% ในปี 63 จากปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 70% โดยจะมีธุรกิจโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ เพิ่มเข้ามาซึ่งปีหน้าจะมีสัดส่วน 20% นอกจากนี้ยังมีธุรกิจค้าปลีก ซึ่งบริษัทเป็นพันธมิตรกับบมจ.บิ๊กซี (BIGC) ในการจัดตั้งมินิบิ๊กซีตามสถานีบริการน้ำมัน โดยปีนี้จะมี 5-6 แห่ง และจะประเมินอีกครั้งหากมีการเติบโตดีก็มีแผนจะขยายกว่า 200 แห่งต่อไป

นอกจากนี้ บริษัทจะเข้าลงทุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงกลั่น ได้แก่ ธุรกิจเอทานอล ไบโอฟูเอล ปาล์มน้ำมัน เป็นต้น และกำลังมองหาธุรกิจใหม่เช่น ธุรกิจอาหาร เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อสร้างรายได้คงที่ให้กับบริษัทจะทำให้ผลประกอบการของบริษัทมีความมั่นคงมากขึ้น

ทั้งนี้ บางจากฯ มีความต้องการเอทานอล วันละ 3 แสนลิตร ปัจจุบันบริษัทเข้าลงทุน บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด ในสัดส่วน 20% โดยมีกำลังการผลิต 4 แสนลิตร/วัน นอกจากนี้บริษัทจะกลับไปเจรจาเข้าถือหุ้น บริษัท ไทยอะโกร เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด(มหาชน) (TAE) สัดส่วน 40% จากบมจ. ลานนา รีซอร์สเซส(LANNA) ซึ่งจะรอให้โรงงานเริ่มเดินเครื่องก่อน คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ