อนุฯป.ป.ช.จะเรียก TRUE-กสท รับทราบข้อกล่าวหากรณีสัญญา 3G ใน 28 พ.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 17, 2012 15:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเมธี ครองแก้ว ประธานคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยภายหลังเชิญนายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.กสท. โทรคมนาคม (CAT) มาให้ปากคำในการสอบสวนเกี่ยวกับการทำสัญญาโครงการ 3จี บนระบบเทคโนโลยี HSPA ระหว่าง กสทฯ และกลุ่มบมจ.ทรู คอร์ปปอเรชั่น (TRUE) ในวันนี้ ว่า ขณะนี้ ป.ป.ช.อยู่ระหว่างทำหนังสือเชิญให้มารับฟังข้อกล่าวหาในวันที่ 28 พ.ค.นี้ โดยผู้ถูกกล่าวหาจะเดินทางมารับฟังข้อกล่าวหาเอง หรือส่งทนายแทนก็ได้ และหลังจากนั้นตามกระบวนการภายใน 15 วัน ผู้ถูกกล่าวหาจะต้องแก้ข้อกล่าวหา และสามารถขอขยายเวลาออกไปอีก 15 วัน หากไม่สามารถชี้แจงหรือแก้ข้อกล่าวหาได้ แต่การขอขยายเวลานั้นจะต้องมีเหตุผลที่น่าเชื่อถือด้วย คาดว่าจะใช้เวลา 1 เดือนต่อจากนี้จะสามารถสรุปประเด็นทุกอย่างก่อนเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่ ให้ตัดสินต่อไปในเดือน มิ.ย. ทั้งนี้ มั่นใจว่าบอร์ดชุดใหญ่จะสามารถฟันธงสัญญาดังกล่าวได้ก่อนประมูล 3 จี 2.1 กิกะเฮิรตซ์ ในช่วงเดือนต.ค.แน่นอน

ด้านนายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า กสทฯ อยู่ระหว่างหารือกับฝ่ายบริหาร ฝ่ายกฎหมายทั้งของกสทฯ กสทช. และกลุ่มTRUE เกี่ยวกับปัญหาของสัญญา ทั้งนี้ เนื่องจากข้อชัดเจนของสัญญายังไม่ได้ข้อยุติ ทาง กสทฯเองได้มีการระงับการขยายโครงข่ายเพื่อให้บริการลูกค้า 3จี ในแบรนด์มาย ซึ่งปัจจุบันมียอดลูกค้าไหลเข้าเพียงหลักหมื่นเท่านั้น ในขณะที่ ทางกลุ่ม TRUE เองเชื่อว่าเขาจะยังคงดำเนินการขยายโครงข่ายอยู่เช่นเดิม ซึ่งขณะนี้ก็ได้มีการเจรจากับทุกฝ่ายอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้บริโภค

อย่างไรก็ตาม หากการดำเนินธุรกิจจะต้องมีการชะงักลง แล้วทำให้มีผลกระทบต่อผู้บริโภค จะต้องมีการเตรียมแผนรองรับซึ่ง กสทช.ก็มีประกาศการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างชัดเจน ยิ่งปัจจุบันอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยมาถึงจุดผู้บริโภคมีทางเลือกมากยิ่งขึ้น ดังนั้น กรณีที่หลายฝ่ายกังวลว่า TRUE จะใช้ลูกค้าเป็นตัวประกันจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน เบื้องต้น กสทฯ ได้ประสานงานกับบริษัทสัมปทานต่างๆ เพื่อหาทางแก้ปัญหาร่วมกันมากขึ้น โดยอิงการดำเนินธุรกิจที่ไม่ได้อยู่ฝั่งตรงข้ามกัน ทั้งนี้หากการดำเนินธุรกิจจะต้องเสียหายแต่ไม่กระทบกับผู้บริโภคก็ต้องยอมให้ธุรกิจได้รับผลกระทบ

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ได้ตอบหนังสือกลับมายัง กสทฯแล้วว่า กสทฯ ควรที่จะรอความชัดเจนเกี่ยวกับกรณีการไม่ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมหรือดำเนินงานในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 หรือ พ.ร.บ.ร่วมทุน การเข้าข่ายขัดต่อมาตรา 46 พ.ร.บ.องค์กรกำกับกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (พ.ร.บ.กสทช.) เป็นต้นซึ่งต้องรอให้ กสทช.เป็นผู้ให้ความชัดเจนด้วยเช่นกัน

"เรื่องของ 3จี จะต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ได้ข้อยุติทั้งหมด โดย กสทฯเองก็ต้องยุติการขยายโครงข่าย ในสัญญาที่ทำไว้กับทรูมูฟเอช แต่เท่าที่ทราบทางกลุ่ม TRUE จะยังคงดำเนินการขยายโครงข่ายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการขยายโครงข่ายก็ต้องมีการขอนำเข้าและติดตั้งอุปกรณ์ จะไม่ใช่การตัดสินใจของเราทั้งหมด เรามีคู่สัญญา ต้องมาดูว่าถ้าไม่ทำจะมีปัญหาหรือไม่ ซึ่งเราก็ต้องมาคุยกันทุกฝ่ายทั้ง กสทฯ กสทช. TRUE ว่าจะดำเนินการอย่างไรที่ไม่ให้ขัดต่อกฏหมายและไม่ให้ลูกค้าได้รับผลกระทบ" นายกิตติศักดิ์ กล่าว

นายกิตติศักดิ์ กล่าวถึงกรณีที่มาให้ปากคำกับ ป.ป.ช. ว่า คณะอนุฯได้สอบถามเกี่ยวกับความชัดเจนในเรื่องของสัญญา ส่วนใหญ่เป็นประเด็นที่ว่า กสทฯ เสียเปรียบหรือไม่เสียเปรียบอย่างไรบ้าง โดยให้ข้อมูลตามปกติ ตอบได้ทุกข้อ โดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องของรายละเอียดเท่านั้น ซึ่งต้องมีฝ่ายกฎหมาย และวิศวกรรม ของ กสทฯ มาช่วยในเรื่องของข่อชัดเจนในเรื่องของรายละเอียดเพิ่มเติมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ