นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ รองประธานฝ่ายกลยุทธ์ บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ามีกำไรสุทธิในช่วง 5 ปีนี้ (ปี 54-59) เติบโตเฉลี่ย 15-20% และรายได้ในช่วง 5 ปีดังกล่าวก็เติบโตเฉลี่ย 12-15% รวมทั้งตั้งเป้าอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (ROIC) ภายใน 5 ปีที่มีโอกาสไปถึง 17%
โดยกลยุทธ์ที่ทำให้ได้ตามเป้าหมายบริษัทจะผลักดันแบรนด์ที่มีอยู่แล้วให้ทำกำไรมากขึ้น และจะพยายาม productivity ของสินทรัพย์ให้มีมูลค่ามากขึ้น ได้แก่ การเน้นขายร้านอาหารในรูปแบบเฟรนไชส์ ขณะที่จะใช้แบรนด์โรงแรมมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการขายที่พักอาศัย (Residential) และการเข้าซื้อกิจการใหม่อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนในช่วง 5 ปีไว้จำนวน 2 หมื่นล้านบาท ใช้สำหรับการขยายธุรกิจเดิมที่มีอยู่ โดยปีนี้คาดจะใช้งบลงทุน 4-5 พันล้านบาท แบ่งใช้ในธุรกิจอาหาร 1 พันล้านบาท ที่เหลือเป็นการลงทุนธุรกิจโรงแรม
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เตรียมเงินไว้ 1 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้สำหรับซื้อกิจการใหม่ทั้งส่วนโรงแรมและร้านอาหาร ภายในช่วง 5 ปีนี้
บริษัทยังตั้งเป้าว่า ภายใน 5 ปี EBITDA Margin สำหรับธุรกิจโรงแรม เพิ่มขึ้นเป็น 30%จากปีก่อนอยู่ที่ 26%
"การเติบโตของธุรกิจโรงแรมในช่วง 5 ปีนี้ จะมาจากอัตราการเข้าพักที่ต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจยุโรปจะมีปัญหา แต่เราก็ได้ลูกค้าในกลุ่มตลาดใหม่เข้ามาชดเชย อาทิเช่น จีน ใต้หวัน เกาหลี และตะวันออกกลาง ส่วนโรงแรมใหม่ที่เพิ่งเปิด อย่างเช่น St.Regis ก็คิดว่าปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้าจะทำกำไรได้แล้ว โดยปีนี้จะเริ่มรับรู้รายได้และกำไรของกลุ่ม OAKS ( Oaks Hetels and Resorts Limited ) เข้ามาเต็มปี ที่เราไปเทกโอเวอร์มาเมื่อกลางปี 54 ขณะที่ธุรกิจเสริม Residential และ Time Share ยังเติบโตดี" นายชัยพัฒน์ กล่าว
สำหรับภาพรวมธุรกิจโรงแรมในปีนี้ นายชัยพัฒน์ คาดว่า อัตราการเข้าพัก จะเพิ่มเป็น 70% จากปีก่อนอยู่ที่ 65% ขณะที่รายได้ต่อห้องพักจะเติบโต 12-14% จากปีก่อนราคาห้องพักเฉลี่ยที่ 3,500 บาทต่อห้อง/วัน
ส่วนธุรกิจอาหาร ในส่วนยอดขายต่อร้านเดิม(same store sale growth) ในปีนี้คาดเติบโต 4-5%ต่อปี โดยในไตรมาส 1/55 ยอดขาย same store sale โต 7.6% และบริษัทตั้งเป้าภายในปี 59 จะมีร้านอาหารทั้งหมด เพิ่มเป็น 2,700 สาขา จากปัจจุบัน 1,264 สาขา
ขณะที่สัดส่วนรายได้ปัจจุบัน เป็นธุรกิจอาหาร กว่า 50% และอีกกว่า 40% มาจากธุรกิจโรงแรม แต่ในแง่กำไร ธุรกิจโรงแรมมีสัดส่วน 60% และ 40% เป็นธุรกิจอาหาร
"ธรุกิจอาหาร กลยุทธ์ของเราคือการเพิ่มยอดขายและกำไรของธุรกิจที่มีอยู่ โดยมองว่าลูกค้าระดับกลางทั้งในและกรุงเทพ ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการขยายเฟรนไชส์ในต่างประเทศเพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจในจีน มีผลประกอบการต่อเนื่อง คาดว่าจะมีกำไรในอีก 1-2 ปีนี้ รวมทั้งบริษัทยังมองหาแบรนด์ร้านอาหารใหม่ เพื่อเข้าซื้อกิจการ
นายชัยพัฒน์ แนวโน้มรายได้ในไตรมาส 2/55 คาดว่าจะสูงในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการเติบโตทั้งธุรกิจอาหารและโรงแรม และในปีนี้จะมีการบันทึกกำไรและรายได้จาก Oaks เข้ามา