นายสหัส ประทักษ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ผลิตไฟฟ้า(EGCO) เปิดเผยว่า กำไรสุทธิปีนี้จะไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4.99 พันล้านบาท โดยส่วนหนึ่งมาจากการกลับรายการบันทึกการรีไฟแนนซ์โรงไฟฟ้าถ่านหินเคซอน ในฟิลิปปินส์ที่ต้องจ่ายหนี้ก่อนกำหนดและภาษีปันผลรวม 700 ล้านบาทที่บันทึกในงวดปีก่อน และการเพิ่มการลงทุนในโรงไฟฟ้าถ่านหินเคซอนเป็น 98% ทำให้บริษัทรับรู้กำไรเข้ามามากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/55
"ถึงแม้ว่าปีนี้ค่า AP จะลดลง 500-600 ล้านบาท แต่ก็มีโครงการใหม่เข้ามาในไตรมาส 1 ที่มาจากลพบุรีโซลาร์ และยังมีโซลาร์อีก 3-4 โครงการที่ร่วมกับ GUNKUL และยังมีไบโอดีเซลที่ได้กำไรทันที บวกกับตัวเคซอนก็ได้กำไรเข้ามา ก็น่าจะ cover ค่า AP ที่ลดลงได้"นายสหัส กล่าว
ทั้งนี้ ในปีนี้บริษัทได้เพิ่มงงบลงทุนเป็น 2 หมื่นล้านบาทจากเดิมตั้งงบไว้ 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากบริษัทเข้าซื้อหุ้นในโรงไฟฟ้าถ่านหินเคซอนเพิ่ม ซึ่งจะมีเงินลงทุน 1.1 หมื่นล้านบาท และในไตรมาสแรกได้ใช้เงินลงทุนแล้งว 1.1 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือเตรียมไว้ลงทุนโครงการอื่นที่อยู่ระหว่างเจรจา เช่น โครงการโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ และ ไบโอดีเซล รวมถึงเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียที่คาดว่าจะสรุปได้ภายในปีนี้
นอกจากนี้ EGCO ได้เจรจาลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าในเคซอนเพิ่มเติมอีก 500 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสรุปได้ในปี 56 และคาดว่าสร้างเสร็จในปี 60 ส่วนโครงการไซยะบุรี ในสปป.ลาวยังเดินหน้าต่อไป
สำหรับแหล่งเงินงบลงทุน 2 หมื่นล้านบาท มาจากกระแสเงินสดประมาณ 8 พันล้านบาท และจากผลกำไรของบริษัทที่คาดว่าจะมีกำไรปีละประมาณ 4-5 พันล้านบาท ซึ่งแบ่งจ่ายเป็นเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น 2-3 พันล้านบาท/ปี นอกจากนี้ บริษัทจะหาแหล่งเงินจากเงินกุ้หรือออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณา
นายสหัส กล่าวว่า โครงการลพบุรีโซล่าร์ส่วนต่อขยายนั้นได้คัดเลือกผู้รับเหมาเรียบร้อยแล้วและคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปลายปี 55 โดยปัจจุบันเดินเครื่องเชิงพาณิชย์อยู่แล้วขนาด 55 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ บริษัทมีกำลังการผลิตจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเป็น 71 เมกะวัตต์จากเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิต 300 เมกะวัตต์ในปี 58
สำหรับในไตรมาสแรก บริษัทประสบความสำเร็จในการซื้อหุ้นโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ พีพีโฟร์ ที่มีกำลังการผลิต 6 เมกะวัตต์ และโครงการเอสพีที กำลังการผลิต 8 เมกกะวัต์ ทั้งสองโครงการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าภูมิภาค 10 ปี
นอกจากนี้ยังซื้อหุ้นบริษัท จี-พาวเวอร์ ซอร์ซ จำกัด (GPS) เพื่อร่วมพัฒนาโรงไฟฟ้า 4 แห่งกับ บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) โดยโครงการได้รับได้เงินที่ ADDER 8 บาทต่อหน่วย เริ่มจำหน่ายไฟฟ้า 3 โครงการตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม ส่วนโครงการที่ 4 ตามแผนงานที่วางไว้คาดว่าจะเริ่มผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าเข้าระบบให้กับกฟภ.ได้ในช่วงไตรมาส 4/55
ปัจจุบัน EGCO มีโรงไฟฟ้าในการบริหารที่เปิดดำเนินงานแล้ว 18 แห่ง และอยู่ระหว่างการดำเนินโครงการ 7 แห่ง มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามการติดตั้ง 5,275.75 เมกะวัตต์