นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 443 บริษัทหรือ 93.26% ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด 475 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่ม NC และ NPG )ได้นำส่งผลการดำเนินงานงวดสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2555 แล้ว โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรม คือกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มบริการ และกลุ่มทรัพยากร เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 22.25% โดยในไตรมาส 1 ปี 2555 มียอดขายเติบโตเพิ่มสูงขึ้นในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมเท่ากับ 2,501,279 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 18.64% และมีกำไรสุทธิรวม 212,318 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดไตรมาส 4 ปี2554 ถึง 197.33 % แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรลดลง 5.09 % โดยมีบริษัทที่มีกำไรสุทธิ 301 บริษัท คิดเป็น 67.34% ของบริษัทที่ส่งงบทั้งหมด ในด้านความสามารถในการทำกำไรเปรียบเทียบไตรมาส 1 ปี 2555 กับช่วงเดียวกันของปีก่อนพบว่าอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิลดลงจาก 20.42% เป็น 17.85% และ 10.54% เป็น 8.48% ตามลำดับ และถ้าเปรียบเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2554 พบว่าอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน
“ยอดขายของบจ. งวดไตรมาส 1 ปี 2555 ได้เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน และงวดไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังประสบอุทกภัย ซึ่งยอดขายที่เพิ่มกระจายไปทุกหมวดธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคและการลงทุนในประเทศมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น เช่น หมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธนาคารพาณิชย์ วัสดุก่อสร้าง และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นอกจากนี้ หมวดธุรกิจยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมเห็นสัญญาณการฟื้นตัวจากยอดขายของไตรมาส 1 ที่เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 4 ที่ผ่านมา ทั้งนี้เรื่องที่ต้องคอยติดตามคือความสามารถในการทำกำไรของบจ. เพราะตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีที่ผ่านมาบจ. ส่วนใหญ่มีต้นทุนขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามในไตรมาส 1 ของปีนี้ เริ่มเห็นความสามารถในการปรับตัวของบจ. ทั้งด้านยอดขายและต้นทุนที่ดีขึ้น โดยสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้ใกล้เคียงกับไตรมาส 4 ปี 2554 ที่ผ่านมา"นายจรัมพรกล่าว
ทั้งนี้ บริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรสุทธิสูงสุด 5 อันดับแรก คือ บมจ.ปตท. (PTT) บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) บมจ. ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC)ในขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรม 3 อันดับแรกจาก 8 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรสูงสุดในช่วงไตรมาสแรกของ ปี 2555 ได้แก่ กลุ่มทรัพยากร กลุ่มธุรกิจการเงิน และกลุ่มบริการ สำหรับหมวดธุรกิจที่มีกำไรรวมสูงสุด 3 อันดับแรก จาก 27 หมวดธุรกิจ ได้แก่ หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค หมวดธนาคาร หมวดอาหารและเครื่องดื่ม โดยทั้ง 3 หมวดมีกำไรสุทธิรวม 138,968 ล้านบาท คิดเป็น 65.45 % ของกำไรสุทธิรวมทั้งหมด โดยยอดขายรวมของทั้ง 3 หมวดคิดเป็น 57.57% ของยอดขายรวมทั้งหมด