โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้นธนาคารไทยพาณิชย์(SCB)ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Top Picks โดยมองผลการดำเนินงานในปีนี้ยังมีการเติบโตที่ดี จากการขยายตัวของสินเชื่อที่ดี โดยคาดการณ์ปีนี้จะขยายตัวในช่วง 12-15% จากทุกธุรกิจ และรายได้จากค่าธรรมเนียมที่เติบโตขึ้น รวมทั้งยังมีการรับรู้รายได้ SCB Life เต็มปี ซึ่ง SCB Life มีกำไรที่ดีอยู่แล้ว
ส่วนการตั้งสำรองหนี้ฯก็น่าจะลดลง และตัวเลข NPL ของ SCB ก็ไม่ได้น่ากังวลแต่อย่างใด พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 55 ไว้ในช่วง 36,430-40,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 54
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
บล.กสิกรไทย ซื้อ 180.00
บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ซื้อ 178.00
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ ซื้อ 170.00
บล.ยูโอบี เคย์เฮียนฯ ซื้อ 176.00
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 166.00
บล.กรุงศรีอยุธยา ซื้อ 159.00
น.ส.ศศิกร เจริญสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาพของ SCB ในปีนี้ค่อนข้างดี โดยจะรับรู้รายได้จาก SCB Life เต็มปี ซึ่ง SCB Life มีกำไรที่ดีอยู่แล้ว ประกอบกับสินเชื่อของ SCB ในปีนี้ก็มีการขยายตัวค่อนข้างดี โดยไตรมาส 1/55 สินเชื่อเติบโตไปแล้ว 4.4% และผู้บริหารตั้งเป้าเติบโตสินเชื่อ 12-14% ซึ่งก็คิดว่าน่าจะทำได้ ส่วนที่ฝ่ายวิจัยได้คาดการณ์การเติบโตสินเชื่อของ SCB ปีนี้ไว้ถึง 15% เป็นการเติบโตจากทุกธุรกิจ
"เราได้จัดให้ SCB อยู่ในกลุ่ม Top Picks มองว่าปีนี้ SCB น่าจะได้เห็นการเติบโตแบบ Aggressive ได้ จากธุรกิจที่สามารถเดินไปข้างหน้าได้ทั้งหมด...โดยเฉพาะการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อที่น่าจะขยายตัวได้ดี หลังจากที่ได้มีการปรับโครงสร้างภายในแล้ว ซึ่งตัวเช่าซื้อนี้จะเข้ามาช่วย NIM ได้ สำหรับตัวเลข NPL ก็ยังต่ำอยู่"น.ส.ศศิกร กล่าว
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 55 ไว้ที่ 36,430 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้ว(2554)ซึ่งยังไม่นับรวมรายการพิเศษ
ด้านนางสิริณัฏฐา เตชะศิริวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า แนะนำ"ซื้อ"หุ้น SCB เนื่องจากมองว่าการเติบโตสินเชื่อของ SCB ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และนโยบายของ SCB ก็จะมีการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในทุกประเภทธุรกิจ โดยปีนี้ SCB ได้วางเป้าที่จะเติบโตสินเชื่อ 12-14%
ส่วนกำไรสุทธิปี 55 คาดไว้ที่ 38,600 ล้านบาท เติบโต 7% จากปี 54 โดยในปีก่อน SCB มีการเติบโตกำไรสูงเนื่องจากมีกำไรพิเศษจากการซื้อบริษัทประกันเข้ามา
อย่างไรก็ดี จากที่ SCB ได้ปล่อยสินเชื่อให้กับ SSI แล้วทาง SSI ได้ขอยืดการชำระหนี้ระยะสั้นออกไป ตรงนี้ทาง SCB ได้ปล่อยหนี้ระยะยาวให้กับ SSI และยังไม่ถึงกำหนดชำระหนี้ อีกเรื่องก็เป็นประเด็นที่มาจาก ITD ภายหลังจากที่มีการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลของพม่า ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในโครงการทวายขึ้น ทั้งสองประเด็นนี้อาจเป็น Sentiment เชิงลบต่อ SCB ในระยะสั้น
ส่วนนายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ปีนี้ผลการดำเนินงานของ SCB คงจะมีการเติบโตที่ดี จากการขยายตัวของสินเชื่อ และรายได้จากค่าธรรมเนียมที่เติบโตขึ้น โดยคาดการณ์ว่าสินเชื่อของ SCB ปีนี้น่าจะเติบโต 12%
นอกจากนี้ ปีนี้ SCB ยังมีการรับรู้รายได้จาก SCB Life เต็มปีอีกด้วย ทำให้กำไรของ SCB เติบโตด้วย ขณะที่การตั้งสำรองหนี้ฯน่าจะลดลง และทิศทางของ NPL ก็น่าจะทรงตัวถึงลดลง โดยคาดว่าปีนี้ตัวเลข NPL ของ SCB น่าจะอยู่ที่ 2.4% ลดลงจากปีที่แล้วที่มี NPL 2.6% ซึ่งตัวเลข NPL ของ SCB ไม่ได้น่ากังวลแต่อย่างใด
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 55 ไว้ที่ 40,000 ล้านบาท เติบโต 10.6% จากปีที่แล้ว