นายสุทิน ยุทธนาวราภรณ์ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บมจ.สหโมเสคอุตสาหกรรม (UMI) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทมีโอกาสจะหาแนวทางเพิ่มกำลังการผลิต โดยแนวทางที่จะดำเนินการได้เร็วคือการเข้าซื้อกิจการใหม่ แต่อาจมีข้อจำกัดเกี่ยวกับภาระอื่นๆตามมาทั้งหนี้สิน สินทรัพย์ บุคลากร ขณะที่การสร้างโรงงานใหม่เพื่อขยายกำลังผลิตต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่จะสามารถควบคุมภาระต้นทุนต่างๆง่ายกว่า
"เป็นไปได้ทั้งสองแนวทาง เป็นเรื่องที่บอร์ดต้องหาวิธีที่ดีที่สุด เพราะงบยังมีเหลืออีก 300 ล้านบาท จากที่ตั้งงบลงทุน 3 ปีที่ 500 ล้านบาทตั้งแต่ปี 53 คาดว่าปีนี้น่าจะเห็นความชัดเจน" นายสุทิน กล่าว
ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินขั้นตอนการเข้าซื้อหุ้น 30-40% ใน บมจ.โรแยล ซีรามิคอุตสาหกรรม (RCI)ที่ราคา 0.90 บาท/หุ้น จะแล้วเสร็จในปลายเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถเข้าประเมินภาพรวมธุรกิจของ RCI ที่จะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทได้ ดังนั้น ผลที่มีต่อบริษัทคงจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า RCI มีกำลังการผลิตเพียง 6 ล้านตารางเมตร ซึ่งปัจจุบันใช้กำลังการผลิต 70% ช่วยเพิ่มการผลิตให้บริษัทได้ไม่มากนัก จากกำลังการผลิตของบริษัทที่มีอยู่ปัจจุบัน 20 ล้านตารางเมตร และใช้กำลังการผลิตเกือบเต็ม 100% แล้ว
นายสุทิน กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้ายอดขายปี 55 ที่ 2.7 พันล้านบาท หรือเติบโต 8% โดยประเมินว่าจากความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์กระเบื้องจะเติบโต 7% จากปีก่อนที่มีความต้องการของตลาดที่ 170 ล้านตารางเมตร แต่จะมีการทบทวนแผนอีกครั้งในช่วงเดือน ก.ค.55 เพื่อปรับแผนให้เข้ากับสถานการณ์
นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทอาจจำเป็นต้องมีการปรับราคาขายผลิตภัณฑ์ตามต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น จากตั้งแต่ต้นปีมีการปรับขึ้นราคาสินค้าบางรายการแล้วประมาณ 2% เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น แต่ในช่วงนี้ราคาน้ำมันเริ่มลดลง ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อต้นทุนการผลิตที่ลดลง
"แนวโน้มยอดขายไตรมาส 2 น่าจะไม่ดีเท่าไตรมาส 1 (ที่มียอดขาย 763 ล้านบาท) ซึ่งเป็น season ของธุรกิจอยู่แล้วถือว่าสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ เพราะหลังจากน้ำท่วมคนหันมาจับจ่ายใช้สอยเร่งด่วนในช่วงไตรมาส 1 เสร็จหมดแล้ว หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งยังมองภาพว่ายังไม่ฟื้นชัดเจน คงต้องดูว่าจะดีขึ้นกว่าทุกปีหรือไม่ ไม่ได้เลวร้ายแต่ไม่หวือหวา" นายสุทิน กล่าว