บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์(TTA) ยอมรับว่าผลประกอบการปี 55 (ต.ค.54- ก.ย.55) ยังน่าจะขาดทุน เนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกมีผลขาดทุนค่อนข้างมาก แม้ว่าไตรมาส 3/55 น่าจะดีขึ้นบ้าง แต่คงจะชดเชยไม่ได้ทั้งหมด เนื่องจากธุรกิจเดินเรือยังไม่ฟื้น อย่างไรก็ตาม ในแง่ของรายได้ครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก หลังจากธุรกิจของบริษัทลูก คือ บมจ.เมอร์เมด มารีไทม์ เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น
ทั้งนี้ ในช่วงเดือนมิ.ย.บริษัทมีโอกาสจะได้ข้อสรุปการซื้อเรือมือสองจำนวน 1 ลำ และในเดือนส.ค.55 บริษทมีกำหนดรับมอบเรือจำนวน 1 ลำเพิ่มเข้ามาในกองเรือ
แหล่งข่าวจาก TTA กล่าวว่า ในงวดปี 55 ผลประกอบการของบริษัทยังคงขาดทุน เนื่องจากในงวดครึ่งปีแรกขาดทุนถึง 765 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจเดินเรือยังไม่ฟื้นตัว และธุรกิจถ่านหินของบริษัทลูกยังไม่มีกำไรในปีนี้ แต่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3/55 (เม.ย.-มิ.ย.55) จะ Break Event ได้
ขณะที่นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการเงินและบัญชี TTA คาดว่ารายได้ในงวดครึ่งปีหลัง (เม.ย.-ก.ย. 55) จะสูงกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้ประมาณ 7.5 พันล้านบาท รับผลบวกจากบริการธุรกิจพลังงานที่เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น หลังหมดช่วงฤดูมรสุมในช่วงพ.ย.- กุ.พ.
ในส่วนธุรกิจวิศวกรรมใต้ทะเลภายใต้บริหารงานของเมอร์เมดฯ คาดว่าอัตราการใช้ประโยชน์สินทรัพย์ช่วงครึ่งปีหลังจะสูงกว่าครึ่งปีแรกที่อยู่ระดับ 40-50% ประกอบกับมีการรับรู้รายได้จากการเข้าไปรับงานที่ตะวันออกกลางเข้ามาในช่วง เม.ย.ที่ผ่านมาจำนวน 3 สัญญามูลค่า 14 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่เรือขุดเจาะน้ำมัน MRT-1 และ MRT-2 มีงานในมือแล้วไปจนถึงสิ้นงวดปี 55
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจเดินเรือ มองแนวโน้มยังทรงตัวหลังประเมินอัตราค่าระวางเรือในช่วงครึ่งปีหลังยังไม่เห็นการฟื้นตัว ซึ่งเกิดภาวะนี้ทั่วโลก บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ โดยได้หันรับงานน่านน้ำแอตแลนติกที่มีค่าระวางเรือสูง และรับงานขนสินค้าที่มีค่าระวางเรือสูง เช่น ท่อเหล็ก ประกอบกับ บริษัทได้มีการควบคุมค่าใช้จ่ายการเดินเรืออย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทได้ทำสัญญาซื้อขายน้ำมันไว้ล่วงหน้าเพื่อป้องกันความผันผวน
ปัจจุบัน บริษัทมีกองเรือ 15 ลำ และในช่วง ส.ค.นี้จะได้รับมอบเรือที่สั่งต่อเรือไว้จำนวน 1 ลำ และ จะส่งมอบอีก 1 ลำในไตรมาส 1-2/56
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนซื้อเรือมือสองเพิ่มเติม อายุเรือประมาณ 5-7 ปี น้ำหนักบรรทุกตั้งแต่ 5 หมื่นตันขึ้นไป โดยราคาเรือดังกล่าวในท้องตลาดมีราคาอยู่ที่ประมาณ 20-25 ล้านเหรียญ/ลำ โดยบริษัทหวังว่าจะได้ข้อสรุปซื้อเรือมือสอง 1 ลำภายในเดือน มิ.ย.นี้
ขณะเดียวกันบริษัทในเครือ คือ บมจ. ยูนิคไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) นางฐิติมา ยอมรับว่า ผลประกอบการในปี 55 จะยังคงขาดทุนต่อเนื่อง และหวังว่าโรงงานใน จ.สมุทรสาครจะกลับมาเปิดทำการได้ ใน 4 เดือนนี้ โดยขณะนี้บริษัทกำลังพยายามเร่งจำหน่ายถ่านหินขนาด 0-5 มม.ที่อยู่คลังสินค้าอยู่ถึง 4 แสนตัน ซึ่งขณะนี้ได้ขายให้กับโรงปูนซิเมนต์ และโรงไฟฟ้าที่จ.สระบุรี จำนวน 9 หมื่นตัน และหากเร่งให้หมดทั้ง 4 แสนตันจะทำให้บริษัทสามารถกลับมาเปิดทำการได้อีกครั้ง