ทริสฯ จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิวงเงินไม่เกิน 5 พันลบ. PTTEP ที่ AA

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 23, 2012 13:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศอันดับให้แก่หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาทของ บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) หรือ ปตท. สผ. ที่ระดับ “AA" พร้อมคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ ปตท. สผ. ที่ระดับ “AAA" ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่"

โดยทริสเรทติ้งกล่าวว่า หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนมีอันดับเครดิตต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรของ ปตท. สผ. อยู่ 2 ระดับ ซึ่งสะท้อนถึงลักษณะการด้อยสิทธิและความเสี่ยงที่ผู้ถือตราสารอาจถูกเลื่อนนัดการชำระดอกเบี้ยของตราสารได้ โดยผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนนี้จะได้รับการชำระดอกเบี้ยและเงินต้นในลำดับต่อจากผู้ถือหุ้นกู้ไม่มีประกันและเจ้าหนี้สามัญอื่น ๆ ของบริษัท นอกจากนี้ ปตท. สผ. ยังสามารถเลื่อนการชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ด้อยสิทธิได้ทุกเมื่อ โดยดอกเบี้ยค้างชำระดังกล่าวจะถูกสะสมและนำมาชำระในภายหลังแต่จะไม่นำมาทบเป็นเงินต้นสำหรับการคิดดอกเบี้ยอีก

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า อันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ ปตท. สผ. ที่ระดับ “AAA" ยังคงสะท้อนสถานะผู้นำของบริษัทในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศไทย รวมถึงปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่มีมากพอ การสนับสนุนจากภาครัฐในฐานะที่เป็นตัวแทนรัฐบาลไทยในการถือสัมปทานปิโตรเลียม และฐานะทางการเงินที่ดี นอกจากนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศด้วย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่า ปตท. สผ. จะยังคงดำรงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งต่อไปได้แม้จะมีแผนการลงทุนที่สูงในช่วงปี 2555-2559 นอกจากนี้ การดำเนินนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังและเข้มงวดน่าจะช่วยให้บริษัทสามารถลงทุนตามแผนการเติบโตได้โดยไม่ทำให้ฐานะทางการเงินอ่อนแอลง

ทริสเรทติ้งรายงานว่า ปตท. สผ. เป็นบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมระดับแนวหน้าของประเทศซึ่งก่อตั้งในปี 2528 ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อถือสิทธิ์สัมปทานปิโตรเลียมในนามของรัฐบาลไทย ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2555 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซแห่งชาติถือหุ้นใน ปตท. สผ. ในสัดส่วน 65.3% ทั้ง ปตท. และ ปตท. สผ. ยังคงมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้พระราชบัญญัติงบประมาณของไทย การเป็นตัวแทนของรัฐที่ทำหน้าที่สำรวจและผลิตปิโตรเลียมจึงทำให้ ปตท. สผ. ได้รับประโยชน์ในการเข้าร่วมโครงการสัมปทานปิโตรเลียมที่สำคัญ ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ทริสเรทติ้ง กล่าวว่า ณ เดือนธันวาคม 2554 ปตท. สผ. มีปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์แล้วทั้งหมดซึ่งรวมถึงแหล่งน้ำมันในต่างประเทศอยู่ที่ระดับ 969 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ลดลง 7.1% เมื่อเทียบกับปี 2553 โดยสัดส่วนปริมาณสำรองปิโตรเลียมจากโครงการในต่างประเทศคิดเป็น 44% ของปริมาณสำรองที่พิสูจน์แล้วในปี 2554 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากสัดส่วน 41% ในปี 2553 เมื่อพิจารณาจากปริมาณขายที่ 265,047 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในปี 2554 แล้ว ปริมาณสำรองปิโตรเลียมของบริษัทน่าจะผลิตได้นานประมาณ 9 ปี ซึ่งต่ำกว่าปริมาณสำรองของผู้ประกอบการระดับโลกที่มีค่าเฉลี่ยระหว่าง 10-15 ปีเล็กน้อย ณ เดือนพฤษภาคม 2555 บริษัทมีโครงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรวมทั้งสิ้น 40 โครงการ โดย 20 โครงการอยู่ในขั้นตอนการผลิต และที่เหลืออยู่ในขั้นตอนการสำรวจและพัฒนา

เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ประกอบการระดับโลกรายอื่นแล้ว ประสิทธิภาพในการดำเนินงานของ ปตท. สผ. จัดว่าอยู่ในระดับที่แข่งขันได้แม้ว่าต้นทุนในการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้น โดยค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงในการผลิต (Lifting Cost) ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 3.86 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในไตรมาสแรกของปี 2555 จาก 3.65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในช่วงเดียวกันของปี 2554 ซึ่งเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในโครงการผลิตแหล่งใหม่เป็นสำคัญ

ฐานะทางการเงินของ ปตท. สผ. ยังคงแข็งแกร่ง โดยในไตรมาสแรกของปี 2555 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 27% เป็น 1,525 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รายได้ที่เพิ่มขึ้นนี้ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากราคาขายปิโตรเลียมโดยเฉลี่ยที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 64.79 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือเพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ปริมาณขายลดลงเหลือ 253,411 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันหรือลดลง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปริมาณขายที่ลดลงนี้ส่วนใหญ่เป็นผลจากการหยุดดำเนินการของโครงการอาทิตย์เหนือตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2554 ประกอบกับการลดปริมาณส่งมอบก๊าซตามสัญญาซื้อขายฉบับใหม่ของโครงการอาทิตย์ อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 71.9% ในไตรมาสแรกของปี 2555 จาก 71.0% ในไตรมาสแรกของปี 2554 ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายลดลงเป็น 36.6 เท่าในไตรมาสแรกของปี 2555 จาก 37.6 เท่าในช่วงเดียวกันของปี 2554 อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีสภาพคล่องที่ดี โดย ณ เดือนมีนาคม 2555 บริษัทมีเงินสดในมือจำนวน 1,763 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกประมาณ 610 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

แผนการใช้จ่ายในระยะ 5 ปีของ ปตท. สผ. สำหรับโครงการที่มีอยู่ในปัจจุบันระหว่างปี 2555-2559 มีมูลค่าทั้งสิ้น 19,624 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งประมาณ 54% ของค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนทั้งหมดจะเป็นการลงทุนในประเทศไทย ส่วนที่เหลือจะเน้นการลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (22%) อเมริกาเหนือ (15%) กลุ่มประเทศในทวีปออสเตรเลีย (5%) และอื่น ๆ (4%) การลงทุนดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะเพิ่มปริมาณขายของบริษัทให้เพิ่มขึ้น 25% จาก 265,047 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในปี 2554 เป็นประมาณ 330,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในช่วงปี 2556-2559 ทั้งนี้ กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทประมาณ 3,000-4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีและเงินสดในมือที่มีอยู่คาดว่าจะเพียงพอสำหรับการลงทุนในโครงการที่มีอยู่ในปัจจุบัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ