นายทัศพล แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น(AAV)ผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย ผู้นำในธุรกิจสายการบินราคาประหยัด เปิดเผยถึงผลการเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัทต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 3.7 บาท จำนวน 1,212.5 ล้านหุ้น รวมมูลค่า 4,486.25 ล้านบาท โดยผลตอบรับจากการจองซื้อท่วมท้นเกินคาด โดยจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 31 พ.ค.นี้
"มั่นใจว่าราคาหุ้นในวันเปิดซื้อขายวันแรก 31 พ.ค. 55 นั้นจะยืนเหนือจองบริษัท เพราะหุ้นของบริษัทเป็นหุ้นที่มีการเติบโตสูง โดยในแง่ผลประกอบการคาดว่าจะมีกำไรต่อเนื่องและยังคงมีโอกาสสูง"นายทัศพล กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าช่วงเวลาที่บริษัทโรดโชว์ไปยังต่างประเทศนั้น ดัชนี้ตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับสูงกว่านี้และ Sentiment ดีกว่าปัจจุบัน ซึ่งการที่นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นขนาดใหญ่ในขณะนี้ออกมาอาจกระทบต่อหุ้น AAV บ้าง เพราะถือว่าเป็นหุ้น IPO ขนาดใหญ่ แต่การเสนอขายที่ราคา 3.70 บาทเป็นราคาในระดับที่ไม่แพง และสัดส่วนถือหุ้นเป็นนักลงทุนสถาบันถึง 70% โดยเชื่อว่าสถาบันจะถือลงทุนในระยะยาว
นายทัศพล กล่าวว่า ตนเองและคณะผู้บริหารมีคำมั่นสัญญาที่จะดำเนินกิจการเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ให้สมกับความไว้ใจ และขอให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่ากลุ่มผู้บริหารไทยจะยังคงเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน AAV ไม่ต่ำกว่า 60% ภายหลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์และจะถูกล็อคห้ามขายเป็นเวลา 6 เดือน
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้บริหารจะยังคงถือหุ้นไม่น้อยกว่า 51% เพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.การเดินอากาศ โดยจะเอาหุ้นที่ถือไว้ไปฝากกับศูนย์รับฝากหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นเวลาขั้นต่ำ 5 ปีหลังเข้าตลาดฯ นอกจากนี้ หุ้นในส่วนผู้มีอุปการคุณที่บริษัทฯ จัดสรรให้กับพนักงานในราคาเดียวกันกับ IPO ก็จะถูกห้ามขายเป็นเวลา 1 ปี เพื่อเป็นแรงจูงใจให้พนักงานร่วมกันสร้างความเติบโตให้กับบริษัทฯ และสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนอีกด้วย
สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุน ในส่วนของผู้บริหาร จะนำเงินไปชำระหนี้เงินกู้ที่ใช้ในการซื้อหุ้นของบริษัทฯ มาเมื่อ 5 ปีที่แล้ว แต่ในส่วนของบริษัทฯ จะนำเงินระดมทุนไปจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนออกใหม่ของบริษัท ไทยแอร์เอเชีย ซึ่งจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นในไทยแอร์เอเชีย เพิ่มจาก 51% เป็น 55%
ทั้งนี้ ไทยแอร์เอเชีย จะนำเงินที่ได้ไปใช้ในการขยายฝูงบินโดยการซื้อเครื่องบินรุ่นแอร์บัส A320 จากที่มีอยู่ 24 ลำในปัจจุบัน เพิ่มอีก 24 ลำ รวมเป็น 48 ลำ ภายในระยะ 5 ปีข้างหน้า เพื่อเพิ่มเที่ยวบินให้สามารถรองรับความต้องการของผู้โดยสารที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต
นายทัศพล กล่าวต่อว่า เป้าหมายของการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อต้องการยกระดับให้ฐานะทางการเงินของสายการบินไทยแอร์เอเชียให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับกับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่สายการบินไทยแอร์เอเชียต้องเตรียมพร้อมรับมือ ดังนั้น ในฐานะผู้บริหารจึงมีความคาดหวังที่จะเห็นสายการบินไทยแอร์เอเชียเป็นสายการบินที่มีส่วนแบ่งผู้โดยสารสูงสุดอันดับหนึ่งในประเทศไทย
ด้านนางสาวสุวภา เจริญยิ่ง กรรมการผู้จัดการ บล.ธนชาต ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำการจัดจำหน่ายหุ้นของ AAV ว่า ความต้องการซื้อหุ้น AAV ร้อนแรงมาก ผลตอบรับจากการจองซื้อของนักลงทุนรายย่อยเข้ามาอย่างท่วมท้น ทำให้หุ้นที่เสนอขายไม่เพียงพอต่อความต้องการ การจัดสรรหุ้นครั้งนี้จึงมีความท้าทายสูงมาก และเชื่อว่าความต้องการหุ้นส่วนเกินที่ผู้จัดจำหน่ายไม่สามารถจัดสรรให้ได้ในครั้งนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การซื้อขายมีสภาพคล่องสูงได้หลังจากหุ้นเข้าตลาด
หุ้นไอพีโอของบริษัททั้งหมด 1,212.5 ล้านหุ้น แบ่งสัดส่วนการขายหุ้นให้นักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งส่วนของพนักงานที่ถูกล๊อคห้ามขาย 1 ปี รวมประมาณ 70% ของหุ้นไอพีโอทั้งหมดที่เสนอขาย ที่เหลือเป็นสัดส่วนของนักลงทุนรายย่อย นอกจากนี้ หุ้นเดิมในส่วนของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ซึ่งเป็นผู้บริหารจำนวน 2,473 ล้านหุ้นคิดเป็น 51% ของหุ้น AAV หลังเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์จะถูกห้ามขายอีก 5 ปี ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนในระยะยาวได้เป็นอย่างดี
นายสุชาย สุทัศน์ธรรมกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญของ AAV กล่าวว่า มั่นใจว่า AAV จะเป็นหุ้นเนื้อหอมตัวใหม่ในกลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ พร้อมทั้งเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของ AAV ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย สายการบินราคาประหยัดที่มีอัตราการเติบโตสูง มีการวางแผนเพิ่มเที่ยวบินและเปิดเส้นทางการบินใหม่อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยซึ่งถือว่ามีความโดดเด่นมากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน ดังนั้นหุ้น AAV จึงเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนที่จะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเจริญเติบโตของสายการบินไทยแอร์เอเชีย
อนึ่ง AAV เสนอขายหุ้น จำนวน 1,212.5 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 0.10 บาทต่อหุ้น เป็นการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ 750 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิม 462.5 ล้านหุ้น คิดเป็น 25% ของทุนชำระแล้ว 485 ล้านบาท โดยได้เปิดให้จองซื้อหุ้น IPO ไปเมื่อวันที่ 23-25 พ.ค.55