ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 362,444 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 28, 2012 17:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (21 - 25 พฤษภาคม 2555) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวม 362,444 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 72,489 ล้านบาท ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ประมาณ 26% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 85% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 307,067 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 45,160 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 3,305 ล้านบาท หรือคิดเป็น 12% และ 1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB15DA (อายุ 3.6 ปี) LB155A (อายุ 3 ปี) และ LB176A (อายุ 5.1 ปี) มีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 9,555 ล้านบาท 8,262 ล้านบาท และ 8,027 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB12612A (อายุ 14 วัน) CB12621C (อายุ 28 วัน) และ CB12823B (อายุ 91 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 60,236 ล้านบาท 39,762 ล้านบาท และ 21,695 ล้านบาท ตามลำดับ

ทางด้านหุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกนั้น ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) (SCCC136A (A)) มูลค่าการซื้อขาย 472 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) (AYCAL145A (A+)) มูลค่าการซื้อขาย 338 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (MBK137A (A)) มูลค่าการซื้อขาย 337 ล้านบาท

เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield Curve) ปรับตัวเพิ่มขึ้นในตราสารที่มีอายุคงเหลือมากกว่า 1 ปี หรือโดยเฉลี่ยแล้วปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ +5 ถึง +10 Basis Point (100 Basis point มีค่าเท่ากับ 1%) ซึ่งเป็นผลมาจากแรงขายของนักลงทุนทั้งในประเทศ และนักลงทุนต่างประเทศ จากความวิตกกังวลว่ากรีซจะออกจากกลุ่มยูโรโซนหรือไม่ ซึ่งภายหลังจากผลการประชุมผู้นำของกลุ่มประเทศ G8 ในวันพุธ (23) ที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนเริ่มคลายความวิตกกังวลในประเด็นดังกล่าวลงไปบ้าง หลังจากกลุ่มประเทศผู้นำของสหภาพยุโรปได้แสดงท่าทีสนับสนุนให้กรีซยังคงอยู่ในสมาชิกภาพของยูโรโซนต่อไป

ส่วนสถานการณ์ภายในประเทศไทย พบว่าเริ่มมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่างๆมากขึ้น ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าน่าจะมีการปรับ ครม. ในระยะเวลาอันใกล้นี้ ในขณะที่สภาพัฒน์ได้ประกาศได้ตัวเลข GDP ของไตรมาส 1/2555 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (qoq) และเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (yoy) ตามการบริโภคของภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการปรับตัวที่ดีของภาคการผลิตและบริการ ทั้งนี้สภาพัฒน์ยังคาดว่าตัวเลข GDP ของไทยในปี 2555 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 5.5 — 6.5% ซึ่งอาจจะส่งผลให้การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่จะมีขึ้นในวันที่ 13 มิถุนายน นี้ น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 3% เช่นเดิมและต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี

ทั้งนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติกลับมามียอดซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้ไทยกว่า 11,434 ล้านบาท และในมูลค่าการซื้อสุทธิทั้งหมดนี้ เป็นการขายสุทธิในตราสารระยะยาว (มีอายุคงเหลือมากกว่า 1 ปี) ประมาณ -1,585 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตราสารระยะสั้น 13,019 ล้านบาท สำหรับนักลงทุนรายย่อยที่ถึงแม้จะมีมูลค่าการซื้อขายค่อนข้างน้อย แต่ยังคงมียอดซื้อสุทธิอีก 249 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ