นายขจรพงศ์ คำดี กรรมการผู้จัดการ บมจ. เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) เปิดเผยว่า จากความต้องการถ่านหินที่ได้เพิ่มปริมาณมากขึ้นทุกปี ควบคู่กับราคาขายที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงได้ศึกษาหาเหมืองถ่านหินแห่งใหม่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าโดยเฉพาะลูกค้าจากประเทศอินเดียและจีน โดยขณะนี้ได้โฟกัสเหมืองถ่านหินแห่งใหม่อยู่จำนวน 1-2 เหมือง โดยเหมืองถ่านหินแห่งใหม่เตรียมใว้เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าอินเดียและลูกค้ารายใหม่ที่ติดต่อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทวางเป้าหมายให้มีปริมาณสำรองถ่านหินล่วงหน้า 10 ปี เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจด้านซัพพลายของบริษัท
สำหรับภาพรวมธุรกิจพลังงานถ่านหินของบริษัท เชื่อว่ายังมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากปัจจุบันผู้ประกอบการในหลายอุตสาหกรรมต้องการที่จะลดต้นทุนทางการผลิตลง ขณะที่ถ่านหินถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ จึงทำให้เชื่อว่าน่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมาย โดยคาดว่าปริมาณการจำหน่ายถ่านหินปีนี้น่าจะอยู่ที่ 3.2 ล้านตันต่อปี คิดเป็นอัตราการเติบโตประมาณ 70% จากปี 2554 ที่มีปริมาณการจำหน่ายถ่านหินอยู่ที่ 1.9 ล้านตัน จากความต้องการถานหินของตลาดภายในประเทศและประเทศ และการวางกลยุทธ์ด้านการผลิตอย่างมีนัยสำคัญ
และในวันที่ 31 พ.ค.55 หุ้นของบริษัทจะถูกเข้าคำนวณในดัชนี Morgan Stanley Capital International (MSCI) เป็นวันแรก ซึ่งถือเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับทีมผู้บริหาร พนักงานและผู้ถือหุ้นของบริษัท เนื่องจากเป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่าผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาของบริษัทมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สภาพคล่องของหุ้นถือว่าเป็นไปตามเกณฑ์ของต่างชาติจึงทำให้เป็นช่องทางให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนและรู้จักบริษัทมากยิ่งขึ้น
“MSCI นำเข้าคำนวณในดัชนีด้วยแล้ว ถือเป็นใบเบิกทางสำคัญที่ทำให้ EARTH มีความน่าเชื่อถือ เป็นที่รู้จักของนักลงทุนต่างชาติมากยิ่งขึ้นอันจะนำไปสู่ก้าวที่สำคัญในอนาคตของบริษัทในการเปิดรับนักลงทุนต่างชาติ และเพื่อให้บริษัทเป็นที่รู้จักของนักลงทุนต่างชาติมากยิ่งขึ้น ในปีหน้า EARTH จึงมีแผนที่จะนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุนในต่างประเทศ (โรดโชว์) ด้วยเช่นกัน เพื่อตอกย้ำให้ EARTH เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น" นายขจรพงศ์ กล่าว