ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (31 พ.ค.) หลังจากอิตาลีไม่สามารถขายตราสารหนี้ได้ตามเป้าหมายสูงสุด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาในภาคธนาคารของสเปน และผลสำรวจที่บ่งชี้ว่าชาวกรีซส่วนใหญ่คัดค้านมาตรการลดการใช้จ่าย
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.5% ปิดที่ 240.56 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3015.58 จุด ลบ 69.12 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 6280.80 จุด ลบ 116.04 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5297.28 จุด ลบ 93.86 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงหลังจากอิตาลีระดมทุนจากการประมูลขายพันธบัตรอายุ 5 และ 10 ปี ได้ 5.732 พันล้านยูโร ขณะที่อัตราผลตอบแทนสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับการประมูลในเดือนที่แล้ว โดยอิตาลีตั้งเป้าสำหรับการประมูลพันธบัตรครั้งนี้ไว้ในช่วง 4.50-6.25 พันล้านยูโร
ทั้งนี้ อิตาลีขายพันธบัตรที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมิ.ย.2560 ได้ 3.391 พันล้านยูโร ที่อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 5.66% เพิ่มขึ้นจากระดับ 4.86% ในการประมูลเมื่อเดือนเม.ย. และถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่ความต้องการซื้อสูงกว่าจำนวนที่นำออกประมูลอยู่ 1.35 เท่า
ขณะเดียวกัน อิตาลีขายตั๋วเงินคลังที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนก.ย.2565 ได้ 2.341 พันล้านยูโร ที่อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 6.03% เพิ่มขึ้นจากระดับ 5.84% ในการประมูลเดือนก่อน และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. ขณะที่ความต้องการซื้อสูงกว่าจำนวนที่นำออกประมูลอยู่ 1.40 เท่า ลดลงจากระดับ 1.48 เท่าในการประมูลครั้งที่แล้ว
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ปฏิเสธแผนการที่จะเพิ่มทุนแก่ธนาคารบังเกีย ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่อันดับ 4 ของสเปน ซึ่งจุดปะทุความวิตกว่าสเปนจะเป็นประเทศต่อไปในยูโรโซนที่จะก่อวิกฤตหนี้ ขณะที่ผลการสำรวจบ่งชี้ว่า ชาวกรีซส่วนใหญ่คัดค้านมาตรการลดการใช้จ่าย
หุ้น BASF ซึ่งเป็นผู้ผลิตเคมีภัณฑ์รายใหญ่ของยุโรป ร่วงลง 2% หุ้นริโอทินโตร่วงลง 4.1% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ดิ่งลง 2.5% หลังจากราคาโลหะทองแดงร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการ
หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ร่วงลง 1.1% หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงลง อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะพุ่งขึ้น
หุ้นธนาคารบังเกียดิ่งลง 17% หลังจากอีซีบีปฏิเสธแผนการที่จะเพิ่มทุนแก่ธนาคารบังเกีย