นางสาววันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. เอสพีซีจี(SPCG) กล่าวว่า บริษัทคาดว่าภายในไตรมาส 2-3/55 นี้จะเห็นความชัดเจนการเข้าไปลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มในประเทศอินโดนีเซียและญี่ปุ่น หลังจากนั้นจะเสนอให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาอีกครั้ง โดยขณะนี้ทางญี่ปุ่นมีโครงการจะก่อสร้างโซลาร์ฟาร์ม ขนาด 5 พันเมกะวัตต์ ราคาจำหน่ายไฟ 16 บาท/หน่วยเป็นเวลา 20 ปี อย่างไรก็ตาม การเข้าไปลงทุนต่างประเทศคงจะเข้าร่วมกับพันธมิตร
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าไปซื้อกิจการหรือควบรวมกิจการโซลาร์ฟาร์มในประเทศมากกว่า 1 ราย คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 2/55 นี้
ขณะที่ความคืบหน้าในการจัดตั้งกองทุนสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน(Infrastructure Fund)คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนมิ.ย.นี้ โดยระหว่างนี้กำลังให้ที่ปรึกษาศึกษารายละเอียดของโครงการ โดยบริษัทจะนำโซลาร์ฟาร์มแห่งที่ 10-16 ขายเข้าเป็นสินทรัพย์กองทุนดังกล่าว เพื่อนำเงินไปพัฒนาโครงการแห่งที่ 17-34 ต่อไป
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนขายคาร์บอนเครดิตของโซลาร์ฟาร์มให้กับบริษัทแห่งหนึ่งประเทศผรั่งเศส โดยปีนี้จะขายในส่วนของโรงไฟฟ้า 16 โครงการแรกก่อน
นางสาววันดี คาดว่า รายได้ของบริษัทในไตรมาส 2/55 จะสูงกว่าไตรมาส 1/55 ที่ทำได้ 213 ล้านบาท หลังโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์(โซลาร์ฟาร์ม)จะสามารถเริ่มจ่ายไฟฟ้าเพิ่มอีก 3 โรง
ปัจจุบัน บริษัทมีโซลาร์ฟาร์มที่สามารถจ่ายไฟฟ้าได้แล้ว 9 โครงการ และในสิ้นปีนี้คาดว่ามีโอกาสเพิ่มเป็น 18-20 โครงการ จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 16 โครงการ และคาดว่าจะจ่ายไฟครบทั้ง 34 โครงการภายในปี 56
สำหรับรายได้รวมปีนี้บริษัทยังมั่นใจว่าจะเติบโต 100% ตามเป้าที่ตั้งไว้ จากปีก่อนที่มีรายได้ 586 ล้านบาท
"สิ้นเดือนนี้เราจะจ่ายไฟอย่างเป็นทางการครบ 9 โครงการและโครงการที่ 10-16 จะเริ่มจำหน่ายไฟไม่เกินไตรมาส 3/55 และในสิ้นปีมีโอกาสเพิ่มเป็น 18-20 โครงการ"นางสาววันดี กล่าว