นายเผ่าพิทยา สมุทรกลิน ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนและนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.เหมราชพัฒนาที่ดิน(HEMRAJ) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะสามารถสรุปโครงการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่บนที่ดิน 220 ไร่ของเกาะล้าน จ.ชลบุรีได้ในราว 2-3 เดือนข้างหน้า
ทั้วนี้ บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่อง หลังจากประสบความสำเร็จจากโครงการคอนโดมิเนียม เดอะ พาร์ค มาแล้ว ซึ่งล่าสุดบริษัทได้พื้นที่บนเกาะล้านขนาด 220 ไร่ เบื้องต้นคาดว่าจะพัฒนาเป็นโรงแรม รีสอร์ท ร้านค้า และเมืองครบวงจร ซึ่งจะเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่คาดว่าจะต้องใช้เวลาพัฒนาไม่ต่ำกว่า 5-10 ปี และต้องมีพันธมิตรที่มีความรู้ความสามารถ
"ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำแผนงานหลัก คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 เดือนจึงจะได้ข้อสรุป โดยบริษัทมองว่าพื้นที่เกาะล้านมีศักยภาพในการพัฒนา เพราะพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักที่ต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวถึง 8 ล้านคนต่อปี และลูกค้าของ HEMRAJ โดยเฉพาะญี่ปุ่นก็คุ้นเคยกับพัทยาอยู่แล้ว"นายเผ่าพิทยา กล่าว
ส่วนผลประกอบการในปีนี้ บริษัทอาจจะมีการทบทวนเป้าหมายยอดขายที่ดินที่เคยตั้งไว้ในระดับ 2 พันไร่ในช่วงไตรมาส 3/55 หลังจากสรุปงบการเงินในช่วงไตรมาส 2/55 แล้ว โดยจะนำทั้งปัจจัยลบและปัจจัยบวกมาพิจารณาประกอบกัน แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ารายได้รวมในปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 50%
"บริษัทอยู่ระหว่างการทบทวนเป้าหมายยอดขายที่ดินจากที่ปรับมาครั้งล่าสุดช่วงงสิ้นไตรมาสแรกมาที่ 2 พันไร่ โดยจะรอดูปัจจัยต่าง ๆ ในครึ่งปีหลัง ซึ่งจะต้องดูผลประกอบการไตรมาส 2 และปัญหาวิกฤติหนี้ยุโรปว่าจะลุกลามส่งผลกระทบมายังไทยหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องยากจะคาดเดา โดยเมื่อครั้งวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก"นายเผ่าพิทยา กล่าว
แต่อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการไตรมาส 2/55 ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ดีมากต่อเนื่องจากไตรมาส 1/55 ที่ทำยอดขายได้ถึง 918 ไร่ และทั้งปี 55 บริษัทเชื่อว่ารายได้รวมจะเติบโตได้ถึง 50% จากปีก่อนตามเป้าหมาย ซึ่งรายได้หลัก 65% มาจากการขายที่ดิน และอีก 15% มาจากค่าบริการสาธารณูปโภค และอีก 20 มาจากอสังหาริมทรัพย์และค่าเช่าโรงงาน
ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้(backlog)ราว 3 พันล้านบาท คาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้ภายในปีนี้ราว 50-60% ซึ่งลูกค้าหลักยังเป็นญี่ปุ่นถึง 50% และยอมรับว่ามีบางส่วนย้ายมาจากนิคมอุตสาหกรรมที่ประสบปัญหาน้ำทวม ทั้งนี้ ต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้ทยอยขึ้นราคาขายที่ดินไปแล้ว 15% เป็นไปตามสถานการณ์ตลาด ประกอบกับ ที่ผ่านมาเป็นเวลากว่า 1 ปีที่บริษัทตรึงราคาขายที่ดินไว้
ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้าโรงแรกที่จะร่วมกับ บมจ.โกลว์พลังงาน(GLOW)คาดว่าจะเริ่มผลิตกระแสไฟฟ้าได้ในปลายปี 56 จากนั้นอีก 7 โรงจะทยอยจ่ายกระแสไฟฟ้าตั้งแต่ปี 57-59 ส่วนการไปลงทุนต่างประเทศยังไม่มีแผนงานในขณะนี้