บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเม้นท์ (NOBLE) เชื่อว่ายอดขายในปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมาย 4-5 พันล้านบาท หรือเติบโตราว 10-15% จากปีก่อน ขณะที่บริษัทจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ในระดับ 39-40% แม้ว่าต้นทุนจะปรับตัวสูงขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทยอดขายรอโอน(backlog)แล้ว 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ประมาณ 3 พันล้านบาท นอกจากนั้น บริษัทยังเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่อีก 2-4 โครงการในช่วงครึ่งปีหลัง มูลค่ารวมประมาณ 5 พันล้านบาท
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/55 ยอดขายน่าจะทำได้ดีกว่าไตรมาส 1/55 แต่ในแง่ของรายได้อาจจะต่ำกว่า เพราะไม่มีกำหนดที่จะโอนโครงการใหม่ให้กับลูกค้า
นายธงชัย บุศราพันธ์ กรรมการผู้จัดการ NOBLE กล่าวว่า ครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนจะเปิดโครงการใหม่ 2-4 โครงการ มูลค่ารวม 5 พันล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้า ระดับราคายูนิตละ 3-15 ล้านบาท ขณะนี้จัดเตรียมซื้อที่ดินรองรับไว้แล้ว 2 โครงการ และเตรียมหาซื้อที่ดินเพิ่มอีก
พร้อมกันนั้น บริษัทมีแผนจะปรับรูปแบบการพัฒนาโครงการคอนโดฯ โดยจะเน้นขนาดยูนิตเล็กลงตามความต้องการของตลาด โดยมองพื้นที่ที่ราว 20-25 ตร.ม./ยูนิต
นายธงชัย กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้คาดว่าตลาดรวมจะขยายตัวราว 5-10% ขณะที่ราคาที่อยู่อาศัยใจกลางเมืองจะปรับราคาขึ้น 10-15% โดยตลาดอสังหาฯ ยังขยายตัวได้ดีหลังเกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปีก่อน ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดคอนโดมิเนียม ประกอบกับ อัตราดอกเบี้ยอยู่ระดับต่ำและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปัญหาของธุรกิจอสังหาฯ ตอนนี้คือการจัดซื้อที่ดินในเมืองเพื่อพัฒนาเป็นโครงการคอนโดฯ หายากขึ้น ทำให้ตลาดคอนโดฯ เริ่มกระจายออกไปสู่พื้นที่ด้านนอกเมือง ขณะที่ราคาอสังหาฯ มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นตามต้นทุนค่าแรงเพิ่มขึ้น แต่ราคาวัสดุก่อสร้างหลัก เช่น เหล็ก ยังไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้น ดังนั้น เชื่อว่าผู้ประกอบการจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ได้
ส่วนการชุมนุมทางการเมืองในขณะนี้ บริษัทมองเป็นปัญหาระยะสั้นเท่านั้น ไม่น่าจะกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้วบ่อยครั้งจนคนไทยและต่างชาติเริ่มชินแล้ว