บมจ.สมบูรณ์ แอดวานซ์(SAT) คาดว่ายอดขายไตรมาส 2/5 จะเติบโตได้สูงกว่าไตรมาส 1/55 และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากค่ารถยนต์ส่วนใหญ่กลับมาเดินเครื่องผลิตเพิ่มขึ้น หลังจากผ่านพ้นสถานการณ์น้ำท่วมเมื่อปลายปีก่อนมาแล้ว บริษัทจึงมั่นใจว่าในปีนี้จะทำรายได้แตะ 9 พันล้านบาท หรือเติบโตราว 35-40% ตามเป้าหมาย
นอกจากนั้น บริษัทยังประเมินว่าในช่วงปี 56-58 รายได้จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 15-20% โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนในการดำเนินงานปกติในช่วงปี 56-57 ประมาณ 900 ล้านบาท จากในปีนี้ที่ได้เตรียมงบลงทุนราว 800 ล้านบาทเพื่อใช้ขยายกำลังการผลิตเพิ่ม 4 สายการผลิต ประกอบกับ บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมแผนลงทุนในอินโดนีเซียและอินเดีย คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 4/55 และจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาในปี 61 สัดส่วนประมาณ 10% ของรายได้รวม
น.ส.นภัสร กิตะพาณิชย์ รองกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายการเงินและบัญชี SAT เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ายอดขายในไตรมาส 2/55 จะสูงกว่าไตรมาส 1/55 และไตรมาส 2/54 หลังค่ายรถยนต์ได้กลับมาผลิตมากขึ้น โดยเฉพาะค่ายฮอนด้าที่เพิ่งเริ่มกลับมาผลิตในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
ขณะที่รายได้รวมในปี 55 คาดว่าจะเติบโต 35-40% หรือมีรายได้ประมาณ 9 พันล้านบาท เป็นการเติบโตตามภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ในปีนี้คาดว่าจะมียอดผลิตรถยนต์ราว 2.1 ล้านคัน ส่วนหนึ่งเป็นยอดผลิตที่ค้างมาจากปีก่อน ประกอบกับปีนี้จะมีการเปิดตัวอีโคคาร์ 2 รุ่นใหม่ ของมิตซูบิชิและซูซูกิ
ส่วนรายได้ของชิ้นส่วนในกลุ่ม Non-Automotive ในปีนี้ก็มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับคูโบต้าที่ในปีนี้คาดว่าจะมียอดผลิตรถแทร็กเตอร์ เพิ่มขึ้นเป็น 4.1 หมื่นคัน เพิ่มจากปีก่อนที่ 2.9 หมื่นคัน
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 56-58 เติบโตเฉลี่ยปีละ 15-20% ถือว่าเป็นการเติบโตในระดับปกติ ขณะที่งบลงทุนในปีนี้ตั้งไว้ 800 ล้านบาทเพื่อใช้ในการผลิต 4 สายการผลิตใหม่ และตั้งงบลงทุนในปี 56 จำนวน 700 ล้านบาท และในปี 57 จะมีงบลงทุนอีก 200 ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินงานปกติ
รองกรรมการผู้อำนวยการ SAT กล่าวว่า ความคืบหน้าในการลงทุนในอินเดีย และอินโดนีเซีย คาดว่าจะได้ข้อสรุปในไตรมาส 4/55 โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเข้าไปลงทุนเองหรือจะเข้าร่วมลงทุนกันพันธมิตร เบื้องต้นประเมินงบลงทุนโครงการละไม่เกิน 500 ล้านบาท และคาดว่าจะเริ่มผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ได้ในปี 58 เริ่มรับรู้รายได้ในปี 61 โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้จากอินเดีย และอินโดฯจะมีประมาณ 10% ของรายได้รวมในปีแรก