ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 26.41 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 1, 2012 06:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (31 พ.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และจำนวนคนว่างงานภายในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรป

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 26.41 จุด หรือ 0.21% ปิดที่ 12,393.45 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 2.99 จุด หรือ 0.23% ปิดที่ 1,310.33 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 10.02 จุด หรือ 0.35% ปิดที่ 2,827.34 จุด

ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 26 พ.ค. เพิ่มขึ้น 10,000 ราย มาอยู่ที่ 383,000 ราย จากระดับ 373,000 ในสัปดาห์ก่อนหน้า ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ เพิ่มขึ้น 3,750 ราย มาอยู่ที่ 374,500 ราย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของตลาดแรงงานสหรัฐกำลังอ่อนแรงลง

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงขยายตัว 1.9% ในไตรมาสแรกของปี 2555 ซึ่งเป็นการปรับทบทวนลงจากตัวเลขประมาณการก่อนหน้านี้ที่ 2.2% โดยมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการบริโภคส่วนบุคคลที่อ่อนแอกว่าที่ประเมินไว้ และการนำเข้าที่แข็งแกร่งกว่าคาด

นอกจากนี้ กิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐของขยายตัวช้าลง โดยสำนักงานจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า กิจกรรมทางธุรกิจในเขตชิคาโกหดตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 52.7 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2552 ขณะที่ ADP Employer Services ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 133,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ซึ่งน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 150,000 ตำแหน่งโดยประมาณ

ความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรปยังคงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา รวมถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ผันผวนของกรีซ และภาคธนาคารที่อ่อนแอของสเปน

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหนักสุดในบรรดาหุ้นที่คำนวณในดัชนี S&P 500 หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง อันเนื่องมาจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.5%

ส่วนหุ้นแคทเตอร์พิลลาร์ อิงค์ ร่วงลง 2.8%

อย่างไรก็ตาม ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น 1.1% นำโดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวขึ้น 2.1% ส่วนหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 5%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ