TPOLY คงเป้ารายได้ปี 55ที่ 3 พันลบ.อัตรากำไรสุทธิ 3-3.5%จาก 1.96%ปี 54

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 5, 2012 13:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเจริญ จันทร์พลังศรี กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยโพลีคอนส์ (TPOLY) เปิดเผยว่า ในปี 55 บริษัทยังคงเป้ารายได้ไว้ที่ 3 พันล้านบาท โดยขณะนี้มีงานในมือ(backlog)ราว 5.07 พันล้านบาทที่รอทยอยรับรู้รายได้ ประกอบกับ บริษัทยังเตรียมเข้าประมูลงานอีกมูลค่ารวม 8 พันล้านบาท คาดว่าได้รับงานราว 25-30% จากที่ยื่นไป และสิ้นปี 55 คาดว่า backlog อยู่ระดับใกล้เคียงปีก่อนที่ 5 พันล้านบาท

อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรสุทธิปีนี้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3-3.5% จากปี 54 อยู่ที่ 1.96% เนื่องจากปีก่อนมีต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงปลายปีจากเหตุการณ์น้ำท่วม แต่การรับงานใหม่ในปีนี้จะใช้ต้นทุนใหม่และเลือกรับงานที่มีอัตรากำไร(มาร์จิ้น)สูงขึ้น

"ในไตรมาส 2/55 คาดว่ารายได้และกำไรจะดีกว่าไตรมาส 1/55 เนื่องจากบริษัทได้มีการจัดการภาระต้นทุนที่สูงขึ้นจากค่าแรงและค่าวัสดุก่อสร้างไปหมดแล้วในไตรมาส 1/55...สัดส่วนการรับงานจะเป็นงานเอกชน 65% และงานภาครัฐ 35% และงานส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคใต้" นายเจริญ กล่าว

สำหรับธุรกิจพลังงาน โรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งแรก"โครงการช้างแรก"ที่ จ.นครศรีธรรมราช ขนาด 9.9 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท มีการก่อสร้างได้เร็วกว่ากำหนด จากเดิมคาดใช้เวลา 18 เดือน แต่ขณะนี้เหลือเพียง 15 เดือน จึงคาดว่าจะเปิดเดินเครื่องการผลิตและขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)ได้ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.55 และจะรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือน ม.ค.56 โดยคาดว่าจะมีรายได้ 210 ล้านบาท/ปี ซึ่งบริษัทจะรับรู้รายได้จากสัดส่วนการถือหุ้น 65%

ส่วนโรงไฟฟ้าแห่งที่ 2 ขนาด 9.9 เมกะวัตต์ โครงการทุ่งสังกรีน ที่ จ.นครศรีธรรมราช มูลค่าโครงการ 680 ล้านบาท ขณะนี้ได้ใบอนุญาตก่อสร้างและผ่านการลงประชามติแล้ว คาดเริ่มก่อสร้างได้ในเดือน ก.ค.55 และเริ่มรับรู้รายได้ในปลายปี 57

ด้านโรงไฟฟ้าแห่งที่ 3 โครงการมหาชัยกรีน ขณะนี้ได้ใบอนุญาตก่อสร้างและผ่านการลงประชามติแล้วเช่นกัน บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาโครงการร่วมทุน คาดว่าจะมีข้อสรุปและตอบรับการร่วมทุนในเดือน ต.ค.-พ.ย.55 และโรงไฟฟ้าแห่งที่ 4 ที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรัขันธ์ ขณะนี้ได้รับในอนุญาตก่อสร้างแล้ว เหลือเพียงรอผ่านการลงประชามติแล้ว

นายเจริญ กล่าวถึงโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ว่า โครงการแรกซึ่งเป็นทาวน์โฮม ย่านรามอินทรา มูลค่าโครงการ 750 ล้านบาท จะเริ่มเปิดขายพรีเซลในช่วงไตรมาส 4/55

ดังนั้น ในปี 56 สัดส่วนกำไรสุทธิของบริษัทจะเปลี่ยนไป จากปีนี้กำไรหลักมาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 95% และอสังหาริมทรัพย์ 5% จะปรับไปเป็น ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 80% อสังหาริมทรัพย์ 10% ธุรกิจพลังงาน 10% และในปี 58 สัดส่วนกำไรในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเหลือ 50% และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์-พลังงาน 50%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ