ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,099.15 จุด ลดลง 16.04 จุด(-1.44%) มูลค่าการซื้อขาย 22,541.08 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,122.35 จุด และแตะจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,099.15 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 108 หลักทรัพย์ ลดลง 427 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 117 หลักทรัพย์
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ซบเซา และดูอ่อนกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างก็มีการรีบาวน์ขึ้นหลังจากที่เมื่อวานนี้ได้ปรับตัวลงไปค่อนข้างมาก ขณะที่ตลาดบ้านเราได้ปิดทำการวานนี้
เนื่องจากตลาดฯยังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกประเทศอยู่ จากความไม่แน่นอนในเรื่องของยุโรป ซึ่งวันนี้ก็มีการประชุมฉุกเฉินของกลุ่ม G7 ขึ้น ซึ่งก็ต้องรอดูว่าจะมีมาตรการอะไรออกมาหรือไม่ในการแก้ไขปัญหาหนี้ในยุโรป
นอกจากนี้ ปัจจัยการเมืองภายในประเทศก็เริ่มจะเข้ามากดดันตลาดฯมากขึ้น ทั้งจากเรื่องร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง และเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะต้องจับตากันมากขึ้น
"วันนี้จะเห็นได้ว่าวอลุ่มเทรดบางไป ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุนพอควร"น.ส.ธีรดา กล่าว
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้(6 มิ.ย.)น.ส.ธีรดา กล่าวว่า ตลาดฯยังคงให้น้ำหนักไปที่ปัจจัยจากภายนอกประเทศอยู่ โดยเฉพาะปัจจัยที่มาจากทางยุโรป ซึ่งหากมีอะไรในเชิงบวกตลาดฯก็พร้อมจะรีบาวด์ อย่างไรก็ตามมองว่าการรีบาวด์ก็คงเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากตลาดบ้านเรามีปัจจัยการเมืองเข้ามากดดันอยู่
พร้อมให้แนวรับ 1,100-1,087 จุด แนวต้าน 1,115-1,120 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,145.20 ล้านบาท ปิดที่ 132.00 บาท ลดลง 3.50 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,040.54 ล้านบาท ปิดที่ 144.00 บาท ลดลง 4.50 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,035.79 ล้านบาท ปิดที่ 303.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 956.72 ล้านบาท ปิดที่ 432.00 บาท ลดลง 18.00 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 901.86 ล้านบาท ปิดที่ 32.75 บาท ลดลง 0.75 บาท