บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า บมจ.บ้านปู(BANPU)และกลุ่มถ่านหินเจอข่าวลบ เนื่องจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าอุปสงค์ถ่านหินในอนาคตมีแนวโน้มจะอ่อนลง และประเทศต่างๆ หันไปใช้ก๊าซธรรมชาติ รวมถึงพลังงานสะอาดประเภทอื่นๆ เพิ่มขึ้นด้วย เช่น พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม, พลังงานชีวมวล เป็นต้น
นอกจากนั้น การที่เหมืองถ่านหินถูกเรียกเก็บภาษีจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ(Carbon Tax)จะทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น โดยในออสเตรเลียจะเริ่มเก็บ Carbon Tax ไปแล้วตั้งแต่ 1 ก.ค.55 เป็นต้นไป สำหรับราคาถ่านหิน Spot พบว่าดัชนี BJI สัปดาห์สุดท้ายของเดือนพ.ค.55 ร่วงลงมาที่ 92.6 US$/ตัน ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่ ก.ย.53 ทั้งนี้เพราะถูกกดดันจากเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาและกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ มีการรายงานออกมาว่า Exxon Mobil Corp ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานใหญ่ที่สุดในโลก และ Royal Dutch Shell Plc กล่าวว่าสหรัฐจะพัฒนาก๊าซธรรมชาติมาใช้แทนน้ำมันดิบที่มีราคาแพงขึ้น รวมถึงใช้แทนถ่านหินซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในอนาคต รัสเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดของโลก กำลังเปลี่ยนจากการใช้ถ่านหินมาเป็นก๊าซธรรมชาติ โดยคาดว่าทั้งประเทศจะใช้ก๊าซธรรมชาติแทนถ่านหินทั้งหมดภายในปี 2025 และความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในเอเชียจะเติบโตมากกว่า 50% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยมาจากเศรษฐกิจที่ขยายตัว และเป็นการใช้ทดแทนถ่านหิน
ด้าน Shell, Exxon, Chevron Corp และ Woodside Petroleum Ltd เป็นบริษัทร่วมทุนในออสเตรเลียก็เล็งเห็นถึงอุปสงค์ก๊าซธรรมชาติที่สูงขึ้นโดยเฉพาะจากจีน จึงมีโครงการสำรวจและผลิตก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น และคาดว่าอุปสงค์ของ LNG ทั้งโลกจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในช่วง 1 ทศวรรษข้างหน้า นอกจากนั้นประเทศชั้นนำ เช่น สหรัฐ และจีน กำลังพัฒนาแนวทางผลิตก๊าซธรรมชาติจากหินน้ำมัน (Shale gas) ในประเทศอย่างจริงจัง
วานนี้(5 มิ.ย.)หุ้น BANPU ปิดที่ 432 บาท ลดลง 18 บาท(-4%)