บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์(BJC) คงเป้ารายได้เติบโต 15-20% ในปีนี้ พร้อมทั้งรักษาอัตรากำไรสุทธิในระดับ 6-8% แม้ว่าในช่วงไตรมาส 2/55 แนวโน้มรายได้จะชะลอจากไตรมาส 1/55 แต่ก็เป็นไปตามฤดูกาลปกติของทุกปี แต่หากเทียบกับไตรมาส 2/54 ก็เชื่อว่ายังมีอัตราเติบโต ขณะที่บริษัทยังไม่มีแผนปรับขึ้นราคาสินค้า หลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงมาแล้ว
บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการใหม่ แต่ยังไม่มีข้อสรุปในขณะนี้ พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเป็น 50% ภายใน 5-7 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 12%
นายพยับ สุรพงษ์ชัย ผู้จัดการประจำสำนักกรรมการผู้จัดการ BJC กล่าวว่า ในปี 55 บริษัทคงเป้ายอดขายเติบโตที่ 15-20% โดยในไตรมาส 1/55 มียอดขาย 8.8 พันล้านบาท เติบโต 14.1% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 2/55 คาดยอดขายจะเติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่อาจต่ำกว่าไตรมาส 1/55 เพราะเป็นช่วง low season ของธุรกิจตามปกติที่ยอดขายจะอยู่ระดับต่ำในช่วงไตรมาส 2-3 ขณะที่ยอดขายจะอยู่ระดับสูงในไตรมาส 1 และ 4
สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นทั้งปี 55 จะรักษาให้อยู่ในระดับ 25-26% ใกล้เคียงปีก่อน หากไม่มีปัจจัยลบใดๆที่ส่งผลกระทบต่อยอดขาย และราคาน้ำมันที่ปรับลดลงส่งผลให้ความกังวลต่อต้นทุนที่จะปรับสูงขึ้นมีน้อยลง และสัญญาณที่ดีในการรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไว้ได้ ส่วนอัตรากำไรสุทธิ คาดว่าอยู่ที่ 6-8%
"การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำมีผลกระทบต่อบริษัทบ้างแต่ไม่มาก เพราะปกติบริษัทมีค่าแรงขั้นต่ำที่สูงกว่า 300 บาทอยุ่แล้ว ประกอบกับการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือ 23% มาช่วยชดเชยผลกระทบดังกล่าวได้...ปัญหาการเมืองขณะนี้ไม่ได้มีผลกระทบให้การบริโภคลดลง เพราะสินค้าที่เราขายยังถือเป็นความจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน" นายพยับ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าที่เพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ จากปัจจุบันอยู่ที่ 12% เป็น 50% ภายใน 5-7 ปีข้างหน้า ขณะเดียวกันยอมรับว่า มีการเจรจาในการซื้อกิจการในธุรกิจโรงงานผลิตยา ซึ่งเป็นการเจรจาติดต่อทางธุรกิจเป็นการทั่วไป แต่ยังไม่มีความชัดเจนหรือมีข้อสรุปในเร็วๆนี้