นายเจนวิทย์ ชินกุลกิจนิวัฒน์ หัวหน้าฝ่ายธุรกิจตราสารอนุพันธ์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)(KGI) กล่าวว่า พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจตราสารอนุพันธ์ให้เติบโตต่อเนื่องตามนโยบายของบริษัทฯ ที่ได้วางไว้ เนื่องจากมีความพร้อมเป็นอย่างดี จากประสบการณ์ที่ทำงานอยู่ในธุรกิจตราสารอนุพันธ์ใน KGI มานานกว่า 6 ปี ประกอบกับได้รับการสนุนจากบริษัทฯ เป็นอย่างดีในทุกๆ ด้านทั้งบุคลากร เงินทุน และการทำงานที่เป็นระบบ พร้อมทั้งได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ด้วย ดังนั้น จึงมั่นใจว่า KGI จะรักษาความเป็นผู้นำในการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินอย่างต่อเนื่องต่อไปได้
"ผมเชื่อมั่นว่าผมสามารถสานต่อความสำเร็จของฝ่ายธุรกิจตราสารอนุพันธ์ของ KGI ให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยประสบการณ์ที่ผมทำงานอยู่ในธุรกิจตราสารอนุพันธ์ของ KGI มานานกว่า 6 ปี มีส่วนช่วยในการทำให้ KGI เป็นผู้นำในธุรกิจตราสารอนุพันธ์มาโดยตลอด พร้อมทั้ง KGI เป็นบริษัทที่มีความพร้อมในทุกด้าน ทั้งบุคคลากร เงินทุน และระบบการทำงาน ซึ่งจะช่วยให้การทำงานของฝ่ายธุกิจตราสารอนุพันธ์เดินหน้าได้อย่างราบรื่น นอกจากนั้น ผมยังได้รับการสนับสนุนจากบริษัทและผู้ถือหุ้นใหญ่อย่างเต็มที่ ซึ่งหลังจากนี้พร้อมบุกพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่องด้วย "
ปัจจุบันฝ่ายตราสารอนุพันธ์ มีผลิตภัณฑ์ทำตลาดอยู่ 3 กลุ่มประกอบด้วย 1.อนุพันธ์นอกตลาด (OTC Derivatives) 2.ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrant : DW) และ 3. กองทุน Equity ETF (Exchange Traded Funds : ETF) ซึ่งที่ผ่านมา KGI ได้ส่งผลิตภัณฑ์ในกลุ่มต่างๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยมีความคืบหน้าของแต่ละผลิตภัณฑ์ ดังนี้
อนุพันธ์นอกตลาด (OTC Derivatives) ปัจจุบัน KGI เป็นผู้ให้บริการตราสารอนุพันธ์นอกตลาดแห่งแรกในประเทศไทย มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่มีความซับซ้อน และเป็นที่นิยมกันในตลาดต่างประเทศ โดยในปี 2555 นี้ KGI มุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าให้มีความครอบคลุมมากขึ้น และเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้ของลูกค้า
นอกจากนั้น KGI ยังจะมีการเพิ่มความหลากหลายของหลักทรัพย์อ้างอิง โดยครอบคลุมไปถึงหลักทรัพย์ที่ซื้อขายในต่างประเทศด้วย
ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrants :DW) ปัจจุบัน KGI ออก DW มาแล้วทั้งหมด 179 รุ่น คิดเป็นกว่า 1 ใน 3 ของ DW ที่ออกมาเสนอขายทั้งตลาด โดยมูลค่าการซื้อขาย DW ที่ออกโดย KGI มีมูลค่ากว่า 46,000 ล้านบาท หรือกว่า 40% ของมูลค่าซื้อขาย DW ทั้งตลาด และในปี 2555 นี้ KGI มีแผนออก DW อีกไม่ต่ำกว่า 100 รุ่น บนหุ้นอ้างอิงเดิม และหุ้นอ้างอิงใหม่ โดยดำเนินนโยบายเชิงรุกทั้งในแง่ความหลากหลายของ DW และการทำหน้าที่ผู้ดูแลสภาพคล่อง นอกจากนี้ KGI ยังเตรียมพร้อมในการออก DW ประเภทใหม่ ๆ ที่ทางการจะอนุญาตในอนาคต เช่น DW ที่อ้างอิงดัชนี SET50, ดัชนี SET100, ETF, และ DW ที่อ้างอิงหุ้นที่นอกเหนือจาก SET50 หรือ DW ที่มี Feature ใหม่ : เช่น Knock—Out DW (DW ที่สามารถหมดอายุก่อนกำหนดได้ ตามเงื่อนไขที่กำหนด) ด้วย แต่ DW ประเภทใหม่ ๆ นี้ ต้องได้รับอนุญาตจากทางการก่อน
และ Exchange Traded Fund (ETF) ปัจจุบัน KGI ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) และ/หรือ เป็นผู้ร่วมค้าหน่วยลงทุน (Participating Dealer) ให้กับ ETF ชั้นนำ หลายกองทุน เช่น TDEX, 1DIV, HK, CHINA, GLD, BCHAY, GOLD99 โดยในปี 2555 KGI กำลังร่วมมือกับ บลจ. ชั้นนำ เตรียมออก ETF ที่อ้างอิงดัชนี ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เพื่อเข้าจดทะเบียนและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เริ่มใช้ระบบการซื้อขายด้วยโปรแกรมสำหรับผู้ดูแลสภาพคล่อง (Automatic Market Making System) ระบบใหม่ ซึ่งสามารถรองรับการซื้อขาย ETF ได้มากกว่า 50 ตัวในเวลาเดียวกัน นอกจากนั้น เรายังมีการลงทุนในระบบการซื้อขาย หุ้น และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในต่างประเทศ เพื่อรองรับ ETF ที่อ้างอิงดัชนีต่างประเทศ ในอนาคตอีกด้วย
“ด้วยความเชื่อมั่นในทีมงาน ระบบการทำงาน และข้อได้เปรียบต่าง ๆ ของ KGI ผมมั่นใจว่าฝ่ายตราสารอนุพันธ์ของ KGI ยังมีความพร้อมในการเป็นผู้นำในการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินอย่างต่อเนื่องต่อไป " นายเจนวิทย์ กล่าว