บริษัทเตรียมเปิดช่องกรุงเทพธุรกิจทีวี ภายในเดือนส.ค.นี้ คาดใช้งบลงทุน 50 ล้านบาท และน่าจะทำรายได้ปีละ 100 ล้านบาท โดยปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ราว 50 ล้านบาท และเตรียมจับมือพันธมิตรเปิดตัวหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษในประเทศพม่าภายในปีนี้ แต่ยกเลิกแผนการนำ นสพ. กรุงเทพธุรกิจเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น
น.ส.ดวงกมล โชตะนา กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป (NMG) เปิดเผยว่า หลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทอนุมัติการลดทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วของบริษัทจากจำนวน 1.64 พันล้านบาท เป็น 873 ล้านบาท โดยการลดมูลค่าหุ้นที่ตราไว้จากเดิมมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เป็นหุ้นละ 0.53 บาท บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการลดมูลค่าหุ้นมูลค่าประมาณ 774 ล้านบาท ไปล้างผลขาดทุนสะสมที่มีอยู่ ณ สิ้นไตรมาส 1/55 ประมาณ 770 ล้านบาท โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมดภายในเดือนส.ค.นี้
“เราน่าจะล้างขาดทุนสะสมได้หมาดภายในเดือนส.ค. และน่าจะกลับมาเป็นบวกได้ประมาณ 34 ล้านบาท ดังนั้นปีนี้เราก็มีความพร้มที่จะจ่ายปันผลได้ แต่สุดท้ายแล้วจะจ่ายหรือไม่ก็ต้องกลับมาพิจารณาอีกที"น.ส.ดวงกมล กล่าว
สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 55 บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 20% จากปี 54 ที่มีรายได้ 2.79 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตจากทุกหน่วยธุรกิจ โดยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปีนี้ ในส่วนของธุรกิจบรอดคาสติ้ง บริษัทมีแผนเปิดทีวีดาวเทียมช่องใหม่ “กรุงเทพธุรกิจทีวี" ในเดือนส.ค.นี้ มูลค่าลงทุน 50 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสร้างรายได้ปีละ 100 ล้านบาท แต่มีนี้จะมีรายได้ขั้นต่ำที่ 50 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทสามารถขายโฆษณาไปได้แล้ว 50% ของรายได้ที่เราตั้งไว้
“รายได้แต่ละไตรมาสในปีนี้น่าจะเติบโตขึ้นไตรมาสละ 20% ทั้งนี้ก็น่าจะอยู่ในระดับนี้"น.ส.ดวงกมลกล่าว
รวมทั้งจะมีการเริ่มรับรู้รายได้จากการเข้าไปลงทุนในประเทศพม่าเข้ามาในช่วงไตรมาส 4/55 หลังบริษัทได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจกับบริษัท อีเลเวน มีเดีย กรุ๊ป ของประเทศพม่า เพื่อจัดตั้งสำนักงานบรรณาธิการข่าวขึ้นในเมื่องย่างกุ้ง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถเปิดตัวหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษร่วมกับพันธมิตรในพม่าได้ภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่ธุรกิจการศึกษาคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3/55
ล่าสุด บริษัทได้มีการยกเลิกแผนการนำหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้จากสื่อสิ่งพิมพ์อยู่ที่ 75% และอีก 25% มาจากธุรกิจบรอดคาสและดิจิตอล แต่ในอีก 5 ปี ข้างหน้าสัดส่วนรายได้จะมาจากสื่อสิ่งพิมพ์ 40% ธุรกิจบรอดคาสและดิจิตอล 40% และการศึกษาอีก 20%
"ปัจจุบันรายได้ของเรามาจาก 2 ขา แต่อีก 5 ปีจะเพิ่มเป็น 3 ขา มีรายได้จากการศึกษาเข้ามา ซึ่งจะทำให้เรามีความมั่นคงมากขึ้นและเป็นการเติบโตในระยะยาว"น.ส.ดวงกมล กล่าว